ที่มา เว็บไซต์ robertamsterdam.com
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่ม “ผู้ชุมนุม” ขนาดเล็กแต่มีการวางแผนมาอย่างดีและมีศักยภาพได้เดินขบวนบนท้องถนนกรุงเทพฯและในจังหวัดอื่นพวกเขาขนานนามตนเองว่า “หน้ากากขาว” เพราะพวกเขาใช้หน้ากากวีกาย ฟอกส์สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์การเคลื่อนไหวชุมนุมกลุ่มนิรนามที่ก้าวหน้า การเกิดใหม่ของกลุ่มนี้ยังคงห่างไกลจากแนวความคิดเรื่องความรับผิดชอบตามระบอบประชาธิปไตย ความเป็นธรรมชาติ และการเมืองแบบก้าวหน้าอย่างมากมาย
ตามที่ New Mandela ระบุในบทความสองบทความล่าสุดว่ากลุ่มหน้ากากขาวไม่ใช่อะไรนอกจากกลุ่มฝ่ายขวาหัวรุนแรงคลั่งชาติที่มาจากการรวมตัวของกลุ่มพธม. พิทักษ์สยามและกลุ่มที่มีแนวคิดคล้ายกัน กลุ่มเหล่านี้เรียกตัวเองว่ากลุ่ม “ต่อต้านทักษิณ” แต่ศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาคือประชาธิปไตย กลุ่มหน้ากากขาวเรียกร้องให้ “ล้มล้าง” รัฐบาลเพื่อไทยซึ่งมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย กลุ่มหน้ากากขาวยังไม่อายที่จะใช้ความรุนแรงต่อนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตยตามรายงานของหนังสือพิมพ์ข่าวสด โดยเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วในใจกลางกรุงเทพฯ พวกเขาพยายามทุบตีคนเสื้อแดงด้วยแท่งเหล็ก
การสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างกลุ่มหน้ากากขาวและกลุ่มฝ่ายขาวหัวรุนแรง ซึ่งมีรายงานว่ากลุ่มนักกิจกรรมเหล่านี้ทำกิจกรรม เช่นการร้องเพลงแนวเผด็จการฟาสซิสต์ “หนักแผ่นดิน” เป็นประจำ นอกจากนี้ แกนนำที่เข้าร่วมกับกลุ่มหน้ากากขาว เช่น ผู้ประสานงาน “กลุ่มกรีน” นายสุริยะใส กตะศิลาเริ่มหาข้ออ้างที่แปลกประหลาดและวิตถารว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์“กำลังสร้างเงื่อนไขเพื่อทำรัฐประหาร” ตนเอง
เราไม่ควรประเมินความซับซ้อนของกลุ่มหน้ากากขาวต่ำจนเกินไป บรรยากาศของ “ความเป็นธรรมชาติ” ทำให้กลุ่มนี้มีภาพลักษณ์การเคลื่อนไหวของ “กลุ่มรากหญ้า” คล้ายคลึงกับกลุ่มอาหรับสปริงเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ การใช้สัญลักษณ์การชุมนุมแบบก้าวหน้าและนิรนามนำไปสูภาพลักษณ์ที่ดีในหน้าสื่อ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม การรายงานข่าวในแง่ดีถูกผลักดันโดยกระบอกเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หนังสือภาษาอังกฤษ “บางกอกโพสต์” ซึ่งได้พยายามหลอกลวงผู้คนโดยนำเสนอว่ากลุ่มหน้ากากขาวคือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย มากมายจะเป็นกลุ่มที่ผสมผสานกันของกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยมากที่สุดในประเทศไทย
แล้วใครอยู่เบื้องหลังกลุ่มหน้ากากขาว? บุคคลสำคัญในวงการสื่อที่มีอำนาจและร่ำรวย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวอิสระทีนิวส์กลุ่มทีนิวส์ สองสำนักข่าวนี้เต็มไปด้วยคำด่าทอหยาบคายและมีแนวความคิดฝ่ายขวาหัวรุนแรง เป็นกลุ่มซึ่งให้การสนับสนุนอย่างลับๆต่อกลุ่มหน้ากากขาว
ไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่านายสนธิญาณกล่าวว่า “เขาสนับสนุนกลุ่มนี้ เชื่อว่าพวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเชื่อมั่นว่ากลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” นายสนธิญาณกล่าวต่อว่าบริษัทของเขาขายหน้ากากขาวให้ผู้ชุมนุมและ “มีคนซื้อหน้ากากราว 10,000 ใบ และยังมีการสั่งซื้อมาเรื่อยๆ” อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านายสนธิญาณจะพูดจาล้ำเส้น เมื่อเข้าพูดถึงเพื่อนร่วมชาติ โดยเขาแนะนำว่า “ทักษิณและครอบครัวจะต้องถามตัวเองว่าพวกเขาสามารถอาศัยอยู่ในที่ที่มีแต่คนเกลียดพวกเขาได้อย่างไร” บางทีนายสนธิญาณอาจตั้งใจลืมว่าการเลือกตั้งทั่วไปทั้ง 5 ครั้งใน 12 ปีที่ผ่านมาให้ประชามติตามระบอบประชาธิปไตยต่อรัฐบาลที่นำโดยทักษิณ และการเคลื่อนไหวของหน้ากากขาวในกรุงเทพฯก็ไม่ได้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากนัก
แม้กลุ่มหน้ากากขาวไทยจะแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนมากขึ้นในเรื่องของการสื่อสารข้อความ แต่กลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกลุ่มนิยมอำนาจเก่าซึ่งเป็นกลุ่มพลังต่อต้านประชาธิปไตยอันเกิดจากการรวมตัวในรูปแบบใหม่โดยใช้การสื่อสารที่เป็นมิตร เราไม่ควรประเมินกลุ่มนี้ต่ำเกินไป การยืมเอาสัญลักษณ์ที่กำลังเป็นที่นิยมของการเคลื่อไหวของกลุ่มหัวก้าวหน้าทั่วโลกไม่ช่วยทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มหัวก้าวหน้าไปได้
***********
***********
เ้รื่องเกี่ยวเนื่อง:
เสี่ยต้อยนักข่าวร้อยล้านได้สิทธิ์นั้นทันที ให้ไปคิดเป็นคนสำนักงานทรัพย์สินฯบังควรไหม?
ผู้แทนของสำนักงานทรัพย์สินฯ-นายสนธิญาณ หนูแก้ว ผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ขวาสุด)เมื่อครั้งเป็นตัวแทนสำนักงานทรัพย์สินฯไปร่วมกิจกรรมการกุศลนัดหนึ่ง(ภาพข่าว:positioningmag)
-อ่านข่าวเพิ่มเติม:สนธิญาณ ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มอบเงินชวยเหลือทหารพลีชีพชายแดนเขมร 24 เมษายน 2554
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 สิงหาคม 2553
ไทยอีนิวส์ได้จัดทำแบบสำรวจเรื่อง ใช้เสี่ยต้อยนักข่าวร้อยล้าน และผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินฯไล่ล่าแม่มดคดีหมิ่น ดร.จิรายุคิดดีแล้วหรือ? โดยระบุว่า ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ว่าสนธิญาณเป็นเจ้าของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง แต่เขาเป็นผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ การออกมาไล่ล่าแม่มดยัดคดีหมิ่นให้เหยื่อคดี112ในเวลานี้ บังควรแล้วหรือ? ไม่เกรงว่าเป็นคนในใกล้ชิดขนาดนี้ จะไม่ก่อผลสะเทือนต่อเบื้องสูงซะเองหรอกหรือ ถามไปยังดร.จิรายุ ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ โปรดคิดพิจารณา
และขอตั้งคำถามว่า สนธิญาณ ผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินฯออกมาล่าแม่มดคดี112เอง สมควรหรือไม่?
มีท่านผู้อ่านตอบแบบสอบถามนี้ทั้งสิ้นจำนวน 1,471 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้
-สมควร เพราะเป็นผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินฯต้องกตัญญูปกป้องสถาบันกษัตริย์ 140ท่าน (9%)
-ไม่บังควร เป็นคนในใกล้ชิดจะทำให้กระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท 486 ท่าน (33%)
-ให้สนธิญาณกับจิรายุคิดเอง เรื่องอย่างนี้น่าจะคิดได้ 845 (57%)
บทบาทที่สุ่มเสี่ยงเมื่อผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินฯออกล่าแม่มดคดีหมิ่นฯซะเอง
มือขวาจิรายุมาเอง-บทบาทของเสี่ยต้อยในวาระนี้ ที่สวมบทบาทไล่ล่าแม่มดด้วยข้อหาหมิ่นฯนั้นดูหมิ่นเหม่มากเกินไปไหม เพราะใครในประเทศนี้ที่จะไม่รู้บ้างว่าเขามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดร.จิรายุอย่างไร แนบแน่นขนาดไหน
และดร.จิรายุนั้นเป็นใคร?
ลำพังแค่คำถามและความสงสัยเพียงนี้ ก็กระทบกระเทือนต่อเบื้องสูงแล้ว ดร.จิรายุคิดดีแล้วหรือไรในการให้ม้าใช้ใกล้ชิด-เสี่ยต้อยร้อยล้านรับงานนี้ ...หาคนไกลๆตัวหน่อยถามเสี่ยต้อยดูได้ ประเภทที่เนียนๆไม่โฉ่งฉ่าง ไม่มีบูมเมอแรงระดับนี้
ด้วยความห่วงใยดร.จิรายุ และด้วยความอยากร่วมเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ
สำนักงานของ TNews ตั้่งอยู่บนอาคารของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และตัวสนธิญาณ ผู้บริหารก็เป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินฯ(บก.ลายจุด:โพสต์ลงเฟซบุ๊ค)
นักข่าวร้อยล้าน-เสี่ยต้อยกับชีวิตพอเพียงในคฤหาสถ์พื้นที่ 1 ไร่ริมทะเลสาบ และทรัพย์สินที่มีมากกว่า 100 ล้านในวันนี้
สำนักข่าวT-NEWSของสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือสนธิญาณ หนูแก้ว ได้ปักหลักทำสกู๊ปทาง"ช่องหอยม่วง"โทรทัศน์ช่อง 11 ให้ร้ายว่าเสื้อแดงเคลื่อนไหวล้มสถาบันเบื้องสูง อย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้วิทยุเครือข่ายกองทัพบกเปิดช่องให้เขากล่าวหาฝ่ายเรีบกร้องประชาธิปไตยเป็นพวกล้มสถาบัน และเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมเขาใช้มวลชนที่เขาจัดตั้งขึ้นนี้ไปกดดันICTให้ปิดสิ่งที่เขาเรียกว่า"เว็บไซต์หมิ่นฯ" และใช้สำนักข่าวTNEWS ที่เขาเป็นเจ้าของปฏิบัติการล่าแม่มดพ่อมดว่าหมิ่นสถาบันกษัตริย์อย่างชนิดเปิดหน้าเล่น ไม่ต้องเกรงว่า ในฐานะเป็นผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จะเป็นประเด็นอ่อนไหวมากเพียงไรต่อสถาบันกษัตริย์เอง
โดยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาองค์กรมวลชนจัดตั้งนี้ได้ยื่นแถลงการณ์ขอให้กำลังใจและสนับสนุน รมต.ICT ปราบเว็บหมิ่นอย่างเด็ดขาด รวมทั้งไทยอีนิวส์ ก็ถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลว่าเป็น"เว็บหมิ่น"ไปด้วย โดยมีเนื้อหาแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
แถลงการณ์ ขอให้กำลังใจและสนับสนุน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการถวายความจงรักภักดี โดยการปราบปรามเวปไซด์และเครือข่ายโซเชียล มีเดีย ที่กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
ตามที่ได้มีเวปไซด์และเครือข่ายโซเชียล มีเดีย ของกลุ่มขบวนการที่จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น เวป นปช.ยูเอสเอ , ไทยอีนิวส์ ,ไทยฟรีนิวส์, Democray100 Percent เป็นต้น ได้ทำการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ มาโดยตลอด
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ประกาศว่ามีนโยบาย จะดำเนินการปราบปรามเวปไซด์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์และบังคับใช้กฎหมายพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างเด็ดขาด นั้น
ประชาชนและเครือข่ายมวลชนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ดังมีรายนามข้างล่างนี้ เห็นว่า การประกาศนโยบายนี้ ได้เห็นในความตั้งใจจริงของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นนายทหารที่จบจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ ๒๓ เป็นนายทหารอากาศที่ผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแล้ว และท่านยังเป็นหัวหน้าฝูงบินขับไล่ F 16 ครั้งแรกนอกประเทศของกองทัพอากาศไทย และยังได้รับโล่เชิดชูเกียรติรางวัล “เชิดวุฒากาศ”จากโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของข้าราชการทหาร เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ฉะนั้นพวกเราจึงมาให้กำลังใจและสนับสนุนในการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน
เครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ
เครือข่ายพิทักษ์จักรีวงศ์เขตกรุงเทพฯ
โดนจับได้ อุ๊ยตาย!อายจังหมอตุลย์รับงานสนธิญาณไปICTใช้รถคันเดียวกับปชป.หาเสียง
ที่เว็บบอร์ดประชาทอล์ก มีการโพสต์แฉว่า รถคันที่หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ รับงานนายสนธิญาณไปยื่นหนังสือแถลงการณ์กับICTวันนี้(ภาพล่าง)เป็นคันเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยใช้เป็นรถหาเสียงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยใช้บริการ(ภาพบน:จากข่าวสด) คือรถกระบะมิตซูบิชิสีขาว ทะเบียน ษต 5386 ลำโพง 8 หลอด
*********
น่าประหลาดที่ว่าชายผู้นี้ในอดีตเคยคุยกับใครต่อใครว่าเคยเข้าป่าจับปืนกับพรรคคอมมิวนิสต์ฯหวังพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน สร้างสังคมใหม่ที่ไม่มี"เจ้า" เป็นอริราชศัตรูต่อราชบัลลังก์มาก่อน มาวันนี้เมื่อเป็นนักข่าวที่มีคำว่า"เสี่ย"100ล้านนำหน้า กลับใช้ข้อหาเดียวกับที่พวกฝ่ายขวาสุดโต่งเคยใช้เมื่อยุค30กว่าปีก่อน มาให้ร้ายขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยเสื้อแดง...
นอกจากการทำสกู๊ปข่าวป้ายสีผ่านช่องหอยม่วงแล้ว เวบไซต์ tnewsของเสี่ยต้อยร้อยล้านก็โหมกระพือเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
กลางใจอำมาตย์-เมื่อไวๆนี้สนธิญาณให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาเป็นสื่อที่เลือกข้างน้อยที่สุดแล้ว ค่อนข้างจะเป็นกลางมากที่สุด
ในซีรีส์ชุด"ลากไส้สื่อเหี้ย"อันลือลั่นที่เคยลงเผยแพร่ในไทยอีนิวส์ ผู้เขียนคือคุณ"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"กล่าวในเชิงตั้งข้อสงสัยว่า สนธิญาณ หนูแก้ว ดูจะมี"ภารกิจลับ"ในการใช้สื่อวิทยุของเขาที่ได้ทุนจากสำนักงานทรัพย์สินฯในการเปิดข่าวสกัดไม่ให้ณรงค์ วงศ์วรรณ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และ"บิ๊กสุ"ได้เสียสัตย์เพื่อชาติเป็นายกฯ นำไปสู่การประท้วงขับไล่สุจินดาออก จากนั้นเขาก็เป็นคนวิ่งเต้นเส้นสายให้อานันท์ ปันยารชุน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทานรอบ 2 และเขาเข้าไปประมูลสถานีโทรทัศน์itvจากรัฐบาลอานันท์ได้ แต่หุ้นส่วนแตกคอกันเสียก่อน
การกลับมาของสนธิญาณหนนี้ในการใช้สื่อช่อง 11 โจมตีว่าเสื้อแดงจะล้มสถาบัน และประกาศโจมตีทางเวบไซต์tnewsของเขาจึงน่าจับตามองว่าต้อยสนธิญาณได้รับภารกิจลับระดับสูงอะไรมาอีกหรือไม่?
ด้านล่างนี้คัดมาจากซีรีส์ลากไส้สื่อเหี้ย ตอน"จากไดโนเสาร์วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ย"
*นอกจากรายการทีวีทางช่องหอยม่วงแล้ว เสี่ยต้อยร้อยล้านยังออกหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คให้ร้ายขบวนการประชาธิปไตยด้วย
สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว) ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวINNซึ่งมีบทบาทสกัดไม่ให้ณรงค์ วงศ์วรรณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดบิ๊กสุต้องเสียสัตย์เพื่อชาติมาเป็น นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และเขาต้องตามไปแก้ไขในตอนจบของเหตุการณ์แบบลึกลับ
ทีนี้เพื่อตอบคำถามว่าทำไมชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ เพื่อนผู้พี่ของต้อย ตอนนี้ดูจะออกแนวเหลืองๆ ผมก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เป็นเรื่องที่ชัชรินทร์เคยบอกคนใกล้ชิดว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัว ...
อย่างที่ผมเล่าไปว่าชัชรินทร์ชอบคบคนไม่มีอำนาจ หรือหมดอำนาจแล้ว มันก็มีองค์กรหนึ่งเคยมีอำนาจ ดันมาหมดอำนาจเพราะป่าแตก ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์...ชัชรินทร์ก็ไปเอาพิรุณ ฉัตรวณิชกุล กรรมการกลางพรรคฯมาลงสัมภาษณ์ในหนังสือรายสัปดาห์ของเขา พิรุณก็พูดไปหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องสมัชชา4พคท.ที่ทำให้ป่าแตก แล้วก็แนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธ
แต่ความซวยมาเยือน ทางการจับพิรุณได้พร้อมกับเมียคืออาจารย์ชล ตอนนั้นตั้งท้องแก่อยู่เป็นที่น่าอนาถมาก ชัชรินทร์ก็ต้องไปนอนคุกด้วย ตรงนี้จะเห็นว่าชัชโดนคุกข้อหาเป็น”แดง” มาวันนี้เสือกออก”เหลือง”นี่คนคงงองู2ตัวแดก
ชัชรินทร์ยังมีความสนิทสนมกับพวกป่าแตกอีกหลาย ในนั้นรวมทั้งคนเขียนหนังสือเรื่อง”จากดอยยาวถึงภูผาจิ”ชื่อนามปากกาจันทนา ฟองทะเล ฟังแล้วออกหญิงแต่แกเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไปทำงานที่มหาลัยรังสิต กลายเป็นมือขวาดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ไป
ในยุครสช.มีการตั้งพรรคสามัคคีธรรมขึ้นพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนประธานสภาดร.อาทิตย์ได้เป็น และเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่ให้ประธานสภาผู้แทน เป็นประธานรัฐสภา มีสิทธิ์ในการเสนอชื่อทูลเกล้าใครเป็นนายกฯ
ตามคิวก็ต้องเป็นพ่อเลี้ยงณรงค์ แต่พ่อเลี้ยงณรงค์ดันโดนสำนักข่าวINNที่เพิ่งตั้งได้หมาดๆแฉว่าแกค้าผงขาวตราสิงโตคู
่เหยียบลูกโลก จนอเมริกาไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ
สำนักข่าวINNนั้นก่อตั้งโดยเพื่อนผมคือไอ้ต้อย-สนธิญาณ หนูแก้ว(ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นชื่นฤทัยในธรรม เพราะมันชักแก่วัด) ไอ้ต้อยนี่เป็นคนปักษ์ใต้ ตัวดำสะตอพันธุ์แท้ เข้าป่ามาออกมายังไงไม่รู้ เสือกไปสนิทกับอาจารย์จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาซะงั้น อาจารย์จิรายุก็คือผู้อำนวยการทรัพย์สินฯไง พูดง่ายๆคือคนหาเงินให้ข้างบน
ไอ้ต้อยก็ให้อาจารย์จิรายุหนุนตั้งสำนักข่าวขึ้นมา ส่วนว่าINNไปเล่นพ่อเลี้ยงณรงค์จนชวดเก้าอี้นายกฯ เลยไปจบที่สุจินดา จนบานปลายเป็นพฤษภาทมิฬนี่ถือเป็น”แผนสมคบคิด”กันหรือเปล่า ผมก็ไม่อยากเดา เพราะไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่มันมีความเป็นไปเป็นมาอย่างนี้ ใครจะอยากสงสัยก็เชิญ ผมไม่เกี่ยว
พอเกิดพฤษภาทมิฬ ไอ้ต้อยก็ไปม็อบลุยกันใหญ่วันที่ยิงกันหน้าโรงแรมรอแยล ใครจะหนีก็ช่าง แต่ไม่ใช่ไอ้ต้อย ไอ้นี่บัญชาการลุยแถวหน้าเลยทีเดียว มันบอกมี"พระดี"เลยรอดมาได้
พอพฤษภาทมิฬจบ ในหลวงเรียกเด็กๆเข้าไปหมอบ แล้วฟาดก้นคนละป๊าบให้เลิก แต่ปัญหาไม่จบ เพราะต้องตั้งนายกฯใหม่ พวกพรรคสามัคคีธรรมก็หน้าด้านบอกว่า ก็พวกประท้วงอยากได้นายกฯจากการเลือกตั้งไม่ใช่เหรอ งั้นพวกกูก็ขอใช้สิทธิ์ให้หัวหน้าพรรคคนใหม่คือพล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ เป็นนายกฯ คนก็ยี้กันทั้งประเทศ ขอให้ยุบสภา แต่ตอนนั้นนายกฯก็ไม่มี มันก็ต้องหา หาไม่โดนใจเดี๋ยวมีม็อบภาค2อีก เพราะม็อบยังไม่แตกสนิท ไอ้ตู่จตุพรพาคนหลบไปสมรภูมิม.รามฯอยู่
อันนี้เรื่องของเรื่องเลยมาถึงบทตัวพระออกโรง คือชัชรินทร์นี่รู้จักกับจันทนา ฟองทะเล มือขวาของดร.อาทิตย์ที่เป็นประธานสภา อีกฟากก็สนิทกับไอ้ต้อย มือขวาอาจารย์จิรายุชนิดเป็นพี่น้องรักกันมาก ชัชรินทร์เลยต้องเป็นmatch makerไป
ชัชรินทร์เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า เขาก็ได้ตัวประธานสภามาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ได้ดร.จิรายุพาเข้าวัง ตอนเข้าวังไปนี่ชัชรินทร์ซึ่งเคยถูกจับข้อหาคอมฯก็บอกว่าทึ่งมาก เพราะในห้องทรงงานเต็มไปด้วยเครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทค ชนิดที่ว่าแฟ็กซ์นี่เพิ่งมีกันในเมืองไทยตอนนั้น แต่ห้องทรงงานนั้นน่าจะมีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว...อย่าลืมว่าเป็นพ.ศ.2535นะ
ขอข้ามเรื่องวงในไป เดี๋ยวผมจะซวยฐานรู้มากแล้วเอามาเผยในที่แจ้ง สรุปก็คือตามที่คนไทยและชาวโลกตกตะลึงกันตอนนั้นคือ แทนที่รถของวังจะนำตราตั้งพระบรมราชโองการไปบ้านพล.อ.อ.สมบุญที่แต่งตัวชุดขาวรออยู่ท่ามกลางสำนักข่าวเพียบ และเสียงคนด่าแม่ทั้งประเทศ ก็ขับเลยไปบ้านนายอานันท์ ปันยารชุน และก็เรียบร้อยโรงเรียนจิตรลดาอย่างที่รู้กัน อานันท์เป็นนายกบร๊ะราชทานรอบ2!
ความสัมพันธ์ของชัชรินทร์กับสนธิญาณก็เหนียวแน่นยาวนานมาป่านนี้ ตอนนี้สนธิญาณก็ตั้งกลุ่มห่าเหวอะไรซักอย่างมั้ง ที่ให้สินบน1ล้านจับไอ้เหลี่ยมนั่นแหละ ส่วนชัชรินทร์ก็มาสัมพันธ์กับพี่เปลว ไทยโพสต์ที่แกเกลียดเหลี่ยมยังกะขี้ด้วย ก็เลยอาจจะเหลืองไปด้วย
คนหนังสือพิมพ์นี่อย่างผมด่าไปหากไม่ขายวิญญาณให้ซาตานเพราะกลายเป็นหมาหิวเงิน ก็อาจขายด้วยเหตุผลพิเศษอื่นๆ อย่างกรณีของชัชรินทร์นี่ไม่รู้ขายไปหรือยัง ก็ลองสดับดู...
และส่วนว่าไอ้ต้อยคัมแบ็คมามีบทบาททางการเมืองหนนี้มันมีมิชชั่นลับ"ระดับสูง"เหมือนตอนพฤษภาทมิฬหรือไม่ ก็คอยดูๆกันไป
ในแวดวงนักข่าวแล้วต้อยมีสายสัมพันธ์แน่นเหนียวกับชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ นอกจากนั้นก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสุนันท์ ศรีจันทรา ที่ตอนนี้จัดรายการทางทีวีวิทยุให้ร้ายฝ่ายเสื้อแดงทุกวัน และมักชวนคนดูคนฟังของสุนันท์ให้เตรียมใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง รวมทั้งสนิทสนมกับสำราญ รอดเพชร โฆษกพันธมิตรด้วย
ต้อยยังแนบแน่นกับเอ๋-สมชาย แสวงการ ในยุคทำงานINN ทั้งสองถึงขั้นเปิดผับแถวซอยรางน้ำร่วมกัน ปัจจุบันสมชาย หรือเอ๋ มาเป็นสว.ลากตั้งในกลุ่ม 40 สว.รับใช้อำมาตย์
ขณะที่ในสำนักข่าวINNในปัจจุบันยุคของ"ลุงชาวใต้"ซึ่งเป็นทายาทที่เสี่ยต้อยสร้างไว้ ดูจะได้รับอิทธิพลจากเสี่ยต้อยลูกพี่เก่าไม่น้อย สังเกตจากพาดหัวข่าว หรือข่าวที่ส่งทางSMSมักจะมีธงมีทางที่คอยดิสเครดิสเสื่อแดง ฝ่ายที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย และอิงแอบแนบชิดกับอำมาตย์อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
สายสัมพันธ์สนธิญาณ+จิรายุ ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ+บุญชัยอดีตเจ้าของDTAC
ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาเจอกัน-ต้อยกับเอ๋-สมชาย แสวงการ(ซ้าย)ยุคทำงานINN ทั้งสองถึงขั้นเปิดผับแถวซอยรางน้ำร่วมกัน ปัจจุบันสมชาย หรือเอ๋ มาเป็นสว.ลากตั้งในกลุ่ม 40 สว.รับใช้อำมาตย์
ต้อย สนธิญาณเล่าให้นิตยสารwho? magazine ฟังถึงชีวิตเขาจากกุ๊ยมาเป็นนักข่าวรวยระดับ100 ล้านในวันนี้ ก็เพราะได้ไปมีความสัมพันธ์กับดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และบุญชัย เบญจรงคกุล อดีตนายใหญ่ยูคอม เจ้าของDTAC คู่แข่งคู่กัดมือถือของทักษิณ ชินวัตร ดังความข้างล่างนี้
สมัยเป็นนักศึกษารั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ชื่อว่าเป็นนักกิจกรรมตัวยง ซึ่งทำให้ ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และการเป็นนักกิจกรรมนี้เองทำให้เขามีโอกาสร่วมงานกับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และกลายเป็นจุดหักเหที่ทำให้เขาได้มีโอกาส กระโดดเข้าสู่งานชิ้นสำคัญทางด้านสื่อโทรทัศน์และวิทยุ
เส้นทางการก้าวเข้าสู่ชีวิต"นักข่าว"ของสนธิญาณ เริ่มต้นจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สมัยที่ประชา มาลีนนท์ ลูกชายคนรองของ วิชัย มาลีนนท์ เป็นผู้ควบคุมดูแลงานทางด้านข่าวของสถานี จากนั้นโลดแล่น อยู่บนถนนน้ำหมึก ร่วมกับ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ทำหนังสืออาทิตย์วิเคราะห์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เขาก้าวสู่เส้น ทางธุรกิจวิทยุ จัดตั้งสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (INN) บุกเบิกการนำเสนอข่าว 24 ชั่วโมง สร้างความฮือฮาให้กับ วงการสื่อด้านวิทยุอย่างมากในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา
จวบจนเมื่อครั้งสำนักงานทรัพย์สินฯ ก้าวเข้าสู่กิจการทางด้าน “สื่อ” ในนามของสยามทีวี แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น เขาได้รับมอบหมายจาก ดร.จิรายุให้เข้ามารับงานชิ้นนี้ ซึ่งมีส่วนร่วมกับทีมของ จุลจิตต์ บุณยเกตุ ในการทำข้อเสนอในการยื่นประมูล จนกระทั่งสามารถคว้างานประมูลมาได้ ทำให้ก้าวกระโดด สู่สยามทีวี และเป็นสื่อประเภทเดียวที่ยังไม่มีโอกาสทำสำเร็จ เพราะมีปัญหาของผู้ถือหุ้นเสียก่อน ทั้งนี้ ในช่วงที่ไอเอ็นเอ็นไปมีสายสัมพันธ์กับมีเดียพลัส ก็เคยมีการตกลงจะผลิตข่าวป้อนให้ไทยสกายทีวีมาแล้ว แต่ความฝันต้องสลายเป็นครั้งที่ 2
ไม่นาน สนธิญาณจึงกลับไปปักหลักใหม่กับไอเอ็นเอ็นอีกครั้ง แม้ว่าคลื่นข่าวของไอเอ็นเอ็นยัง สามารถจับกลุ่มผู้ฟังได้เหมือนเดิม แต่ปัญหาครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน เมื่อต้องมาเจอกับเรื่องเงินลงทุน เพราะสำนักงานทรัพย์สินฯ ก็บอบช้ำ เพราะขาดทุนกับธุรกิจทางด้านสื่อและโทรคมนาคมมาไม่น้อย จึงลดการ ลงทุนในธุรกิจสื่อลงทั้งหมด เขาจึงต้องหาพันธมิตรรายใหม่มาร่วมลงทุนในไอเอ็นเอ็นแทน
และเป็นเวลาเดียวกันที่กลุ่มยูคอมกำลังขยายธุรกิจทางด้านบรอดคาสติง ยูคอมจึงกลายมาเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในไอเอ็นเอ็น ไม่นานปัญหาก็เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เขาตัดสินใจออกมาก่อตั้งสถานีวิทยุ BUSINESS RADIO FM 96.5 จากนั้นมาตั้งสำนักข่าว ทีไอเอ็น เรดิโอ ใช้สถานีวิทยุ คลื่นหญิงพลังหญิง และคลื่นหญิงพิทักษ์เมือง จนกระทั่งมาเปิดบริษัทของตัวเองในนาม สำนักข่าว T-NEWs, บริษัท กรีน โพรเท็คท์ จำกัด และเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุ FM101 MHz, 102.5 MHz, 103.5 MHz, 104.5 MHzและดร.จิรายุนั้นเป็นใคร?
ลำพังแค่คำถามและความสงสัยเพียงนี้ ก็กระทบกระเทือนต่อเบื้องสูงแล้ว ดร.จิรายุคิดดีแล้วหรือไรในการให้ม้าใช้ใกล้ชิด-เสี่ยต้อยร้อยล้านรับงานนี้ ...หาคนไกลๆตัวหน่อยถามเสี่ยต้อยดูได้ ประเภทที่เนียนๆไม่โฉ่งฉ่าง ไม่มีบูมเมอแรงระดับนี้
ด้วยความเป็นห่วงดร.จิรายุ และด้วยความอยากร่วมเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้องสถาบันฯ
*****
รู้จักเครือข่ายของเสี่ยต้อยนักข่าวร้อยล้าน:
-สำนักข่าวT-newsสารภาพเป็นคนทำซีดีโจมตีเสื้อแดง-เพื่อไทย
-สนธิญาณ กับบทบาทกลุ่มสยามสามัคคี ที่เคยลงขัน1ล้านจับทักษิณ,ขึ้นคัตเอาต์ต้านเสื้อแดง และฯลฯ
-ไอ้คลั่งสุนันท์ปลุกระดมผ่านสื่อฆ่าหมู่เสื้อแดง พฤติกรรมเลียนแบบวิทยุแห่งความตายรวันดา
-อดีตผู้นำนศ.6ตุลาคลั่งยุปราบเศษมนุษย์เสื้อแดง
-สื่อกระหายเลือดเปลว สีเงิน:ฆ่าเสื้อแดงไม่บาป!..
-ภารกิจลับระดับสูงของปีย์-ดร.สมเกียรติ-พญาไม้-ไพศาล แต่ประชัยเจอตอเบ้อเร่อเลย
-รู้จักหัวโจกสำนักข่าวINN
-ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้(18ตอนจบ):กำเนิดและอวสานของมหากาพย์ถลกหนังสื่อเหี้ยมม.ม้าหาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น