Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คำต่อคำ ′มาร์ค′รับกับ′บีบีซี′ สั่งใช้กระสุนจริง (มีคลิป)

ที่มา:มติชนรายวัน 12 ธ.ค.2555



หมายเหตุ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์มิชาล ฮูเซน แห่งสถานีโทรทัศน์บีบีซี ถึงการออกคำสั่งปราบปรามผู้ชุมนุมปี 2553 (Abhisit Vejjajiva, Thai ex-PM, defends crackdown order) มีสาระสำคัญบางตอนดังนี้


อภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเป็นฝ่ายตั้งกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาเพื่อมาสอบสวนการเสียชีวิต ซึ่งสอบสวนทั้งการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ต้องมีการรับผิดชอบ

มิชาล : รวมถึงตัวคุณด้วย เพราะคุณอยู่ในตำแหน่งขณะที่ประชาชน 90 คน เสียชีวิตจากการประท้วง

อภิสิทธิ์ : ถูกต้องครับ เราตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงคณะตำรวจ และกลไกในกระบวนการยุติธรรม แต่ข้อกล่าวหาผมนั้นเกินเลยไป

มิชาล : ทำไมข้อกล่าวหาจึงเกินเลยไป

อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) เพราะว่า...

มิชาล : (พูดต่อ) เมื่อคุณคือคนที่อยู่ในอำนาจขณะที่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม

อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าคุณจำได้ สถานการณ์ขณะนั้นคือมีประชาชนยึดพื้นที่ใจกลางเมือง มีประชาชนติดอาวุธ พวกเขายิงลูกระเบิดเข้าใส่ประชาชน เราไม่ได้แม้แต่เข้าไปสลายการชุมนุมเลย เพียงแค่ตั้งด่านตรวจ ต่อมาด่านตรวจถูกโจมตีด้วย และต่อสู้กันบนถนน โชคร้ายที่มีประชาชนเสียชีวิต

มิชาล : แต่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากการยิงของทหาร

อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนั้นเลย

มิชาล : แต่องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ทำรายงานสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) ไม่จริง รายงานที่ละเอียดที่สุดคือ...

มิชาล : (พูดต่อ) รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่าเกือบทุกคนที่ตายถูกทหารยิง

อภิสิทธิ์ : รายงานที่ละเอียดที่สุดนั้นทำโดย คอป. (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) มีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ประท้วง ซึ่งมีอาวุธ

มิชาล : แต่นั่นคือจำนวนน้อย เรากำลังพูดถึงความตาย 90 กรณี

อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) แต่...

มิชาล : (พูดต่อ) คุณควรจะยอมรับว่าการตายส่วนใหญ่เกิดจากกองทัพไม่ใช่หรือ?

อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ ไม่ ไม่ ไม่ เพราะว่าเราสอบสวนอยู่ราว 20 กรณี เพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้นที่สรุปว่าตายจากการถูกกระสุนปืนซึ่งใช้ในกองทัพ แต่คุณควรจะต้องจำด้วยว่าผู้ชุมนุมขโมยอาวุธจากกองทัพไป

มิชาล : (พูดแทรก) ถ้าเช่นนั้นคุณก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า...

อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) ในการจะกล่าวหาที่เจาะจงเช่นนี้ คุณต้องรู้เกี่ยวกับข้อหาที่ถูกแจ้งไว้เสียก่อน

มิชาล : แต่คุณยอมรับใช่ไหมว่าคุณต้องรับผิดชอบต่อการตายในบางกรณี คุณยอมรับไหม?

อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ การแจ้งข้อหาต่อผมในขณะนี้ คือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีรถตู้คันหนึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นของทหาร จากนั้นมีการยิงขึ้น ผู้ตายเพียงแต่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วโชคร้ายที่เขาถูกยิง

มิชาล : คุณกำลังบอกว่าเป็นคดีแรกที่สรุป และไม่ได้แปลว่าคดีอื่นๆ จะเป็นลักษณะนี้ด้วย?

อภิสิทธิ์ : ใช่ ถ้าจะพูดว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งทหารให้ฆ่าประชาชนก็ไม่ได้ตรงตามสิ่งที่เกิดขึ้นทีเดียว

มิชาล : แต่คุณอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง

อภิสิทธิ์ : เราอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง

มิชาล : คุณเสียใจต่อการตัดสินใจหรือไม่

อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าอย่างนั้นคุณจะสู้กับกลุ่มคนที่ติดอาวุธได้ยังไงล่ะ

มิชาล : ฉะนั้นคุณไม่เสียใจต่อการใช้กระสุนจริง?

อภิสิทธิ์ : ผมเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่มีคำสั่งก็ชัดเจนว่าพวกเขาควรใช้กระสุนจริงอย่างไรภายใต้สถานการณ์แบบไหน คำสั่งซึ่งออกโดยรองนายกรัฐมนตรี (สุเทพ เทือกสุบรรณ) นั้น ประการแรกเพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่น และพวกเขาต้องใช้อย่างระมัดระวังสูงสุด ถ้ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้อาวุธต่อคนเหล่านี้ที่บางครั้งปะปนอยู่กับฝูงชน พวกเขาควรหลีกเลี่ยง ถ้าการใช้คำสั่งนี้แปลว่าพวกเราสั่งให้ฆ่าคน ผมคิดว่าไม่แฟร์

มิชาล : โอเค คุณ...

อภิสิทธิ์ : ขอให้ผมพูดนะครับ ผมได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งทั่วโลก กรณีการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ที่อังกฤษนี่ มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน ต้องสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตนั้นชอบธรรมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม

มิชาล : แต่คุณอภิสิทธิ์ค่ะ นี่คือเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศของคุณได้พบในช่วงหลายสิบปีมานี้ เรื่องที่เรากำลังพูดกันค่อนข้างใหญ่ เป็นปัญหาในยุคที่คุณอยู่ในอำนาจ

อภิสิทธิ์ : เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญและถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น

มิชาล : (พูดแทรก) นี่คุณรู้สึกอย่างไรที่...

อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำ ซึ่งมีอาวุธยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น

มิชาล : คุณรู้สึกอย่างไร ที่กรณีเหล่านี้กำลังจะกำหนดความทรงจำเกี่ยวกับช่วงที่คุณดำรงตำแหน่ง และคิดว่าผู้คนจะจดจำคุณในช่วงเวลาที่อยู่ในอำนาจอย่างไร

อภิสิทธิ์ : ผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไรนะครับ ผมคิดว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และ 2553 สิ่งที่แตกต่างก็คือ ในฐานะรัฐบาล เป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการ และศาลทำงานในเรื่องนี้ ผมยอมรับ ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร แม้แต่จะเป็นคำตัดสินประหาร ผมจะยอมรับ และผมขอให้อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ให้พวกเขาปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขามักจะหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเขาเองเสมอ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมถามอยู่เสมอ ผมต้องการถูกฟ้องร้อง ผมจะต่อสู้ ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่มีคำพิพากษาว่าผมผิด ผมจะยอมรับมัน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น