หมายเหตุ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์มิชาล ฮูเซน แห่งสถานีโทรทัศน์บีบีซี ถึงการออกคำสั่งปราบปรามผู้ชุมนุมปี 2553 (Abhisit Vejjajiva, Thai ex-PM, defends crackdown order) มีสาระสำคัญบางตอนดังนี้
อภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเป็นฝ่ายตั้งกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาเพื่อมาสอบสวนการเสียชีวิต ซึ่งสอบสวนทั้งการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ต้องมีการรับผิดชอบ
มิชาล : รวมถึงตัวคุณด้วย เพราะคุณอยู่ในตำแหน่งขณะที่ประชาชน 90 คน เสียชีวิตจากการประท้วง
อภิสิทธิ์ : ถูกต้องครับ เราตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงคณะตำรวจ และกลไกในกระบวนการยุติธรรม แต่ข้อกล่าวหาผมนั้นเกินเลยไป
มิชาล : ทำไมข้อกล่าวหาจึงเกินเลยไป
อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) เพราะว่า...
มิชาล : (พูดต่อ) เมื่อคุณคือคนที่อยู่ในอำนาจขณะที่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม
อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าคุณจำได้ สถานการณ์ขณะนั้นคือมีประชาชนยึดพื้นที่ใจกลางเมือง มีประชาชนติดอาวุธ พวกเขายิงลูกระเบิดเข้าใส่ประชาชน เราไม่ได้แม้แต่เข้าไปสลายการชุมนุมเลย เพียงแค่ตั้งด่านตรวจ ต่อมาด่านตรวจถูกโจมตีด้วย และต่อสู้กันบนถนน โชคร้ายที่มีประชาชนเสียชีวิต
มิชาล : แต่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากการยิงของทหาร
อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนั้นเลย
มิชาล : แต่องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ทำรายงานสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) ไม่จริง รายงานที่ละเอียดที่สุดคือ...
มิชาล : (พูดต่อ) รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่าเกือบทุกคนที่ตายถูกทหารยิง
อภิสิทธิ์ : รายงานที่ละเอียดที่สุดนั้นทำโดย คอป. (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) มีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ประท้วง ซึ่งมีอาวุธ
มิชาล : แต่นั่นคือจำนวนน้อย เรากำลังพูดถึงความตาย 90 กรณี
อภิสิทธิ์ : (พูดแทรก) แต่...
มิชาล : (พูดต่อ) คุณควรจะยอมรับว่าการตายส่วนใหญ่เกิดจากกองทัพไม่ใช่หรือ?
อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ ไม่ ไม่ ไม่ เพราะว่าเราสอบสวนอยู่ราว 20 กรณี เพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้นที่สรุปว่าตายจากการถูกกระสุนปืนซึ่งใช้ในกองทัพ แต่คุณควรจะต้องจำด้วยว่าผู้ชุมนุมขโมยอาวุธจากกองทัพไป
มิชาล : (พูดแทรก) ถ้าเช่นนั้นคุณก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า...
อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) ในการจะกล่าวหาที่เจาะจงเช่นนี้ คุณต้องรู้เกี่ยวกับข้อหาที่ถูกแจ้งไว้เสียก่อน
มิชาล : แต่คุณยอมรับใช่ไหมว่าคุณต้องรับผิดชอบต่อการตายในบางกรณี คุณยอมรับไหม?
อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ การแจ้งข้อหาต่อผมในขณะนี้ คือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีรถตู้คันหนึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นของทหาร จากนั้นมีการยิงขึ้น ผู้ตายเพียงแต่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วโชคร้ายที่เขาถูกยิง
มิชาล : คุณกำลังบอกว่าเป็นคดีแรกที่สรุป และไม่ได้แปลว่าคดีอื่นๆ จะเป็นลักษณะนี้ด้วย?
อภิสิทธิ์ : ใช่ ถ้าจะพูดว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งทหารให้ฆ่าประชาชนก็ไม่ได้ตรงตามสิ่งที่เกิดขึ้นทีเดียว
มิชาล : แต่คุณอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง
อภิสิทธิ์ : เราอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง
มิชาล : คุณเสียใจต่อการตัดสินใจหรือไม่
อภิสิทธิ์ : แต่ถ้าอย่างนั้นคุณจะสู้กับกลุ่มคนที่ติดอาวุธได้ยังไงล่ะ
มิชาล : ฉะนั้นคุณไม่เสียใจต่อการใช้กระสุนจริง?
อภิสิทธิ์ : ผมเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่มีคำสั่งก็ชัดเจนว่าพวกเขาควรใช้กระสุนจริงอย่างไรภายใต้สถานการณ์แบบไหน คำสั่งซึ่งออกโดยรองนายกรัฐมนตรี (สุเทพ เทือกสุบรรณ) นั้น ประการแรกเพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่น และพวกเขาต้องใช้อย่างระมัดระวังสูงสุด ถ้ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้อาวุธต่อคนเหล่านี้ที่บางครั้งปะปนอยู่กับฝูงชน พวกเขาควรหลีกเลี่ยง ถ้าการใช้คำสั่งนี้แปลว่าพวกเราสั่งให้ฆ่าคน ผมคิดว่าไม่แฟร์
มิชาล : โอเค คุณ...
อภิสิทธิ์ : ขอให้ผมพูดนะครับ ผมได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งทั่วโลก กรณีการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ที่อังกฤษนี่ มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน ต้องสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตนั้นชอบธรรมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม
มิชาล : แต่คุณอภิสิทธิ์ค่ะ นี่คือเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศของคุณได้พบในช่วงหลายสิบปีมานี้ เรื่องที่เรากำลังพูดกันค่อนข้างใหญ่ เป็นปัญหาในยุคที่คุณอยู่ในอำนาจ
อภิสิทธิ์ : เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญและถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น
มิชาล : (พูดแทรก) นี่คุณรู้สึกอย่างไรที่...
อภิสิทธิ์ : (พูดต่อ) ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำ ซึ่งมีอาวุธยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น
มิชาล : คุณรู้สึกอย่างไร ที่กรณีเหล่านี้กำลังจะกำหนดความทรงจำเกี่ยวกับช่วงที่คุณดำรงตำแหน่ง และคิดว่าผู้คนจะจดจำคุณในช่วงเวลาที่อยู่ในอำนาจอย่างไร
อภิสิทธิ์ : ผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไรนะครับ ผมคิดว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และ 2553 สิ่งที่แตกต่างก็คือ ในฐานะรัฐบาล เป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการ และศาลทำงานในเรื่องนี้ ผมยอมรับ ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร แม้แต่จะเป็นคำตัดสินประหาร ผมจะยอมรับ และผมขอให้อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ให้พวกเขาปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขามักจะหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเขาเองเสมอ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมถามอยู่เสมอ ผมต้องการถูกฟ้องร้อง ผมจะต่อสู้ ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่มีคำพิพากษาว่าผมผิด ผมจะยอมรับมัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น