เรื่องจากปก จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 14 ฉบับที่ 3414 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 2 พฤศจิกายน 2012 |
“...ยังไม่ได้รับหมายเรียก และคงไม่สามารถเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้
เพราะเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้ง...” เสียงปฏิเสธนิ่มๆจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปฏิเสธไม่ไปตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ที่นัดวันที่ 7 พ.ย. ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา “ยุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” ไม่ได้ถูกออกหมายเรียกคนเดียว แต่ยังมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วย การเรียก 2 แกนนำฝ่ายต้านรัฐบาลเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ที่ระบุว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต การยุให้ทหารออกมายึดอำนาจ หรือการปลุกระดมมวลชนเพื่อทำการปฏิวัติประชาชน ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 113 เพราะเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ การยุยงให้ทหารปฏิวัติ หรือการทำปฏิวัติประชาชน ยังน่าจะเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่ระบุไว้ว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้” การเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ ปลุกระดมทำปฏิวัติประชาชน โดยมีเป้าหมายแช่แข็งประเทศ 5 ปี ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาออกกฎกติกาประเทศใหม่ตามความต้องการ น่าจะเข้าข่ายความผิดชัดเจนยิ่งกว่าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาก่อนหน้านี้ แก้รัฐธรรมนูญมีกฎหมายรองรับ แต่การยึดอำนาจ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่มีกฎหมายรองรับ การออกหมายเรียกผู้ที่มีความคิดอ่านไปในทางที่ไม่มีกฎหมายรองรับเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา “กบฏ” ถือเป็นความท้าทายของผู้รักษากฎหมาย จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานไม่ให้ใครออกมายุยงปลุกปั่นให้เกิดการยึดอำนาจเหมือนก่อนการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 การประกาศว่าจะไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหานับเป็นความท้าทายของผู้รักษากฎหมายว่าจะทำอย่างไรต่อไป กล้าเดินต่อตามขั้นตอน คือออกหมายเรียกซ้ำหรือไม่ และหากไม่ไปจะกล้าออกหมายจับหรือไม่ แน่นอนว่าการแจ้งข้อกล่าวหายังไม่ถือว่าทำความผิดเพราะต้องต่อสู้คดีกันตามพยานหลักฐานที่แต่ละฝ่ายมี แต่การดำเนินคดีคนที่โหยหาการปฏิวัติ โหยหาอำนาจนอกระบบ โหยหาวิธีการนอกรัฐธรรมนูญล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถือเป็นมิติใหม่ที่จะใช้กฎหมายต่อต้านการปฏิวัติได้ในอนาคต |
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ข้อหา‘กบฏ’ตัดวงจรปฏิวัติ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น