คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสมาชิกรัฐสภา
สหภาพรัฐสภาสากล
เรียน คณะกรรมาธิการ
เมื่อพิจารณาว่าผู้ให้ข้อมูลยืนยันว่าข้อหาทางอาญาของนายจตุพรที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเขาในการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 2553 เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก ข้อหาการเข้าร่วมในการชุมนุมที่ผิดกฎหมายมาจาก
ใช้อำนาจฉุกเฉินที่มิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลที่แล้ว และการแจ้งข้อหาก่อการร้ายที่นายจตุพรและแกนนำเสื้อแดงคนอื่นเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (ผู้ให้ข้อมูลระบุว่าในขณะที่รัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงก่อความรุนแรงหลายครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานว่าแกนนำของพวกเขามีบทบาทในการวางแผนโจมตีทำร้าย หรือแม้แต่ล่วงรู้แผนการเหล่านั้น)
เมื่อพิจารณาว่าจะมีการพิจารณาคดีดังกล่าวในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และผู้ให้ข้อมูลกลัวว่าศาลจะสั่งคุมขังนายจตุพรอีกครั้ง และข้อเท็จที่คณะกรรมาธิการควรรู้คือประเทศไทยเป็นภาคีกับ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) และดังนั้นจึงมีพันธะที่จะปกป้องสิทธิดังกล่าว
สหภาพรัฐสภาสากล
เรียน คณะกรรมาธิการ
เมื่อพิจารณาว่าผู้ให้ข้อมูลยืนยันว่าข้อหาทางอาญาของนายจตุพรที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเขาในการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 2553 เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก ข้อหาการเข้าร่วมในการชุมนุมที่ผิดกฎหมายมาจาก
ใช้อำนาจฉุกเฉินที่มิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลที่แล้ว และการแจ้งข้อหาก่อการร้ายที่นายจตุพรและแกนนำเสื้อแดงคนอื่นเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (ผู้ให้ข้อมูลระบุว่าในขณะที่รัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงก่อความรุนแรงหลายครั้ง แต่ไม่มีหลักฐานว่าแกนนำของพวกเขามีบทบาทในการวางแผนโจมตีทำร้าย หรือแม้แต่ล่วงรู้แผนการเหล่านั้น)
เมื่อพิจารณาว่าจะมีการพิจารณาคดีดังกล่าวในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และผู้ให้ข้อมูลกลัวว่าศาลจะสั่งคุมขังนายจตุพรอีกครั้ง และข้อเท็จที่คณะกรรมาธิการควรรู้คือประเทศไทยเป็นภาคีกับ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) และดังนั้นจึงมีพันธะที่จะปกป้องสิทธิดังกล่าว
1. มีความกังวลอย่างมากว่านายจตุพรถูกถอดถอนจากการเป็นสส.ด้วยมูลเหตุที่ปรากฏว่าฝ่าฝืนพันธะในการปกป้องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของประเทศไทยโดยตรง
2. เมื่อพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญไทยบัญญัติว่าการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของบุคคลที่ “ถูกคุมขังโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย” ในวันเลือกตั้ง เป็นการขัดขวางไม่ให้บุคคลซึ่งถูกกล่าวหาทางอาญาจากการใช้สิทธิ์เลือกตั้งซึ่งขัดแย้งกับบทบัญญัติในไอซีซีพีอาร์ มาตรา 25 ซึ่งรับรองสิทธิในการ “เข้าร่วมกับกิจกรรมทางสาธารณะ” และ “ลงคะแนนเสียงหรือลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นอย่างแท้จริงตามกำหนดเวลา” โดยปราศจาก “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล”
3. พิจารณาได้ว่าในกรณีนี้ว่าการปฏิเสธไม่ให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเรือนจำ
เพื่อใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งคือ “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล” โดยเฉพาะในบทบัญญัติไอซีซีพีอาร์ที่รับรอง
ให้สันนิษฐานบุคคลซึ่งถูกกล่าวหาทางอาญาว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (มาตรา 14) และ “ต้องแยกการปฏิบัติให้เหมาะสมต่อสถานะของบุคคลที่ยังไม่ถูกพิพากษาลงโทษ” (มาตรา 10(2)(a)) การถอดถอนนายจตุพรยังขัดกับจิตวิญญาณของมาตรา 102(4) ของรัฐธรรมนูญไทยซึ่งบัญญัติว่าบุคคลซึ่งต้องโทษทางอาญาไม่รวมถึงบุคคลที่ถูกกล่าวหาทางอาญาเท่านั้นที่จะเสียสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครลงแข่งขันเลือกตั้ง
4. นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมในการถอดถอนนายจตุพรออกจากเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในครั้งหนึ่งทั้งที่ไม่มีการระบุว่าเขากระทำความผิดใดและปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำปราศรัยของเขาเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทางการแสดงออกซึ่งยืนยันโดยการยกร้องในเวลาต่อมา และยังมีความกังวลว่าศาลอาจสามารถตัดสินเรื่องกรณีสมาชิกภาพในพรรคการเมืองของเขา แต่เมื่อกรณีนี้เป็นกรณีส่วนตัวอย่างชัดเจนเด็ดขาดระหว่างนายจตุพรและพรรคของเขา และไม่มีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาในข้อพิพาทดังกล่าว
5. เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากกรณีที่กล่าวไปข้างต้น เจ้าหน้าที่รัฐไทยซึ่งมีศักยภาพจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้
เพื่อจะพิจารณาการถอดถอนนายจตุพรอีกครั้งและประกันว่าบทบัญญัติทางกฎหมายในปัจจุบันจะสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลอย่าแท้จริง และเราหวังว่าจะค้นหาความเห็นของเจ้าหน้าที่ให้กรณีดังกล่าว
6. มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานทางกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ใช้อ้างอิงในข้อหาที่กำลังรอการพิจารณาคดีของนายจตุพรและความเป็นไปได้ที่ศาลอาจสั่งคุมขังเขาอีกครั้ง และเราหวังว่าจะได้รับสำเนาเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหา
และได้รับการแจ้งถึงผลของการพิจารณาคดีในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และการพิจารณาคดีครั้งต่อไป
เมื่อพิจารณาถึงความกังวลในกรณีนี้ อาจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่จะมองหาความเป็นไปได้ที่ส่งผู้สังเกตการณ์ร่วมรับฟังการพิจารณาคดี และร้องขอให้สำนักงานเลขานุการพิจาณาเรื่องนี้
7. ร้องขอให้สำนักงานเลขานุการถ่ายทอดคำตัดสินนี้ไปยังเจ้าหน้าซึ่งมีความสามารถและผู้ให้ข้อมูล
8. ตัดสินว่าจะมีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไปในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาสากลครั้งที่ 127 (ตุลาคม ปี 2555)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น