Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วาทกรรมใหม่ประชาธิปัตย์‘ทักษิณ’เป็นศัตรูรัฐไทย!

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 379 วันที่ 29 กันยายน-5 ตุลาคม พ.ศ. 2555 หน้า 11 คอลัมน์ กรีดกระบี่บนสายธาร โดย เรืองยศ จันทรคีรี



การเมืองไทยเริ่มเข้าสู่โหมดความขัดแย้งที่วกวนและซับซ้อนมากขึ้น ข้อกล่าวหาและวาทกรรมเก่าๆบางอย่างจึงออกจะล้าสมัย หากนำมาใช้ฟาดฟันแบบอดีตอาจไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไป

เราจึงสังเกตได้ว่าเริ่มมีกลยุทธ์และอุบายใหม่ๆเกิดขึ้นให้เห็น กรณีรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์อันลึกซึ้งทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ คอป. เสนอแนะให้เสียสละและสละสิทธิทางการเมือง โดยเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การปรองดองได้

ก่อนหน้านี้ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นมันสมองสำคัญคนหนึ่งของพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพราะมีความจัดเจนทางการเมืองมากมาย หรืออาจเหนือกว่านายชวน หลีกภัย ด้วยซ้ำไป เคยผ่านการต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้นำนักศึกษาสมัย 14 ตุลาคม 2516 ความเห็นและข้อเสนอต่างๆของนายชำนิจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะถือเป็นแง่มุมที่แหลมคม สามารถมองไปสู่ยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี

นายชำนิมองรายงานของ คอป. ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐไทยโดยตรง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะผู้นำทางการเมืองของประเทศเปลี่ยนแปลงไปแล้วหลายคน แต่ความไม่สงบก็ยังปกคลุมอยู่ในสังคมไทย ข้อสรุปนี้ไม่แตกต่างกับความเข้าใจดั้งเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งธงมาโดยตลอด คือให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นปัญหาของประเทศ

การสร้างวาทกรรม “ทักษิณเป็นศัตรูหลักของรัฐไทย” ในด้านหนึ่งมีความหมายว่าพรรคประชาธิปัตย์ถูกพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จับมาเป็นตัวประกันนั่นเอง คือทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ต้องมารับกรรมแทนในนามของรัฐไทย เท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์คือผู้เสียสละ เอาอกต้านศัตรูของแผ่นดิน

วาทกรรม “ทักษิณเป็นศัตรูหลักของรัฐไทย” จึงเป็นการทำลายล้างทางการเมือง โดยทำให้ประชาชนเห็นว่าทุกคนในประเทศนี้มีศัตรูอยู่คนเดียวเท่านั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ

สรุปแล้วพรรคประชาธิปัตย์และอำนาจแฝงไม่มีวันจะข้ามพ้น พ.ต.ท.ทักษิณไปได้ ยังต้องตามล้างตามล่า “เงาทักษิณ” ต่อไป เพราะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นศัตรูของแผ่นดินที่ให้อภัยไม่ได้

ยุทธศาสตร์เช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการเดินกระทืบเงาของตัวเอง ซึ่งมีแต่เหนื่อยเปล่า ลงท้ายแล้วก็กลายเป็นยุทธศาสตร์ที่ย้อนศรทำลายตัวเองอย่างเลี่ยงไม่พ้น เพราะสมาชิกในรัฐไทยส่วนใหญ่รับทราบแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และรู้ว่าใครคือศัตรูหลักของรัฐไทยตัวจริง ซึ่งคำตอบคือระบอบอำนาจนิยมและอำนาจแฝงที่อยู่เบื้องหลังพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ใช่ผู้กล้าหาญที่เอาอกแบะรับศัตรูหลักของรัฐไทยแต่อย่างใด แต่เป็นพวกที่หันก้นเข้าหาอำนาจแฝงของรัฐไทยมากกว่า!

เมื่อปัญหาของประเทศไทยในอดีตใส่หมวกให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่ามีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันและเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ มีเพียงข้อหานี้เท่านั้นก็ร้ายแรงแล้ว แต่การเปิดประเด็นของนายชำนิผ่านรายการตอบโจทย์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสถือเป็นการสร้างข้อหาใหม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณที่ร้ายแรงกว่าเดิม เพราะวาทกรรมคู่ขัดแย้งหลักของรัฐไทยอธิบายได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นศัตรูกับทุกๆอย่างในประเทศนี้ ตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงฟากฟ้า

วาทกรรมของนายชำนิจึงร้ายกาจกว่าวาทกรรมที่ใช้เล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือการลากเอา พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบันตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่รายงานของ คอป. เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมืองในทุกกรณี ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์กลับขอให้ทุกฝ่ายเคารพความเห็นของ คอป. เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างความปรองดอง แต่กลับเสนอวาทกรรมใหม่ให้ “ทักษิณเป็นศัตรูหลักกับรัฐไทย” จึงอธิบายได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ “ดีแต่พูด” เพียงวาจาเท่านั้น จะเชื่อ คอป. เฉพาะเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์ ถ้าไม่ได้ประโยชน์ก็จะไม่รับฟังและไม่เชื่อฟังอะไรทั้งสิ้น

การเผยแพร่วาทกรรม “ทักษิณเป็นคู่ขัดแย้งหลักของรัฐไทย” จึงไม่ต่างกับว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อ ไม่สนใจคำเสนอแนะของ คอป. ยังคงนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมืออย่างไม่รู้จักจบ วาทกรรมนี้แสดงถึงวิธีคิดและการโฆษณาชวนเชื่อเป็นอย่างไรในอดีต ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้น ซ้ำอาจยิ่งเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากพยายามให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเป็นศัตรูกับทุกอย่าง ทั้งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ “ระบอบทักษิณ” ยังถูกตามจองล้างจองผลาญต่อไป ทั้งยังทำให้เห็นความพยายามของ “อำนาจแฝง” ในทุกบริบทที่จะสร้างให้ประชาชนเชื่อว่า “ระบอบทักษิณ” มีอยู่จริงและเป็นระบอบที่ชั่วร้ายจนเป็นคู่ขัดแย้งหลักของรัฐไทย

รายงานฉบับสุดท้ายของ คอป. จึงเป็นไปได้ว่าคือการส่งสัญญาณตามล้างตามล่าว่าเกิดขึ้นอีกรอบแล้ว เพราะมีศัตรูหลักของรัฐไทยก็ต้องล้างศัตรูให้หมดสิ้น โดยลืมไปว่าศัตรูที่แท้จริงก็คือตัวเอง

นับจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มอำนาจแฝงและอำนาจที่อยู่เบื้องหลังยังคงคิดแบบเดิมอยู่!?

การสร้างวาทกรรม “ทักษิณเป็นศัตรูหลักของรัฐไทย” ยังมองได้ว่าเป็นอีกกลยุทธ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ปฏิเสธเป็นคู่ขัดแย้งกับ “ระบอบทักษิณ” เป็นกลยุทธ์การลอยตัวเพื่อจะบอกสังคมว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิดใดๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์คือส่วนหนึ่งของรัฐไทย รัฐไทยในความหมายของร่างทรงที่มีอำนาจแฝงซ่อนอยู่เบื้องหลัง

จากนี้ไปประเทศไทยคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมา ขัดแย้งมา 10 กว่าปีเช่นไร ต่อไปก็ยังเป็นเช่นนั้น แถมยังคงเข้มข้นขึ้นด้วยซ้ำ และอาจเห็นเกมอะไรที่แปลกประหลาดด้วยข้ออ้างว่าต้องขจัดคู่ขัดแย้งหลักของรัฐไทยให้หมดสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น