Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

The Matrix กับการเมืองไทย (ดินแดนสตอรเบอรี่แลนด์)

ปทินกะ-บันเทิง
จาก REDPOWER ฉบับ 23 เดือน กุมภาพันธ์ 55
โดย ไก่แดงน้อย

จากทวิตเตอร์ที่นายกทักษิณเคยเขียนข้อความไว้เมื่อเดือน สิงหาคม 52

ได้กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่าง 2 มาตรฐาน ของไทยว่า

ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เลิกต่อสู้
และจะขอผลัดยมบาลก่อนว่าจะยังไม่ขอตาย
จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมคืนมาและ

ได้ดูหนังเรื่องmatrixไหมครับที่เขาให้เลือกยาให้กินระหว่างเม็ดสีน้ำเงิน
และเม็ดสีแดงตอนนี้คนไทยเจอยาสีน้ำเงินเห็นแต่ความเพ้อฝัน

ก็เคยได้ยินกูรูทางการเมืองที่วิเคราะห์การเมืองเก่งๆ หลายคน เขาก็พูดถึงหนังเรื่อง Matrix ด้วยเหมือนกันและความสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกันกับเรื่องการเมืองในบ้านเรา ผมเลยไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหนัง
มีเว็บหนึ่งเขาวิเคราะห์ชี้ประเด็นให้แง่มุมในเนื้อหาของหนังเรื่อง Matrix ได้น่าสนใจน่าเอามาให้ได้อ่านต่อๆ กัน ตามนี้
The Matrix
มีแง่มุมชวนคิดหลายอย่าง อาทิ คำถามเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของตัวตน อะไรคือความจริง การเข้าถึงสัจจะและการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ บทความนี้จึงเขียนขึ้นมาเพื่อชวนกันวิเคราะห์ภาพยนตร์ "มีอะไรหลายอย่างที่โดดเด่น และน่าสนใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและคณิตศาสตร์ ซึ่งติดตราตรึงใจเรามานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกฎควอนตัมฟิสิกส์ และในแง่ที่ศาสตร์ทั้งสองมาบรรจบพบกัน"

บทความนี้พยายามที่จะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละฉากในภาพยนตร์มีความพยามยามดำเนินเรื่องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
Matrix คือสังสารวัฏ (คือภพภูมิที่มนุษย์ทุกคนต้องเวียนว่ายตายเกิดขึ้นมาในตามหลักของพุทธศาสนาซึ่งบัญญัติไว้ว่ามีทั้งสิ้น 31 ภูมิด้วย)
Matrix เทียบได้กับอะไร Matrix เปรียบเสมือนมายาหรือสังสารวัฏ (คือ เราอาศัยอยู่ในโลกแต่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ถูกต้อง ด้วยจิตใจที่หลงผิดของเราเอง) การถูก Matrix ปิดบังให้มืดบอดไม่ใช่สิ่ง ที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับสมัยนี้ ถ้าเราไม่ได้รับการศึกษา เราก็คงจะเข้าใจว่าโลกแบน
(เพราะตามันเห็นว่าแบนจริง ๆ ) หรือไม่ก็เข้าใจว่าพระอาทิตย์สว่างตอนเช้าแล้วดับตอนกลางคืน เพราะเชื่อสายตาของตนเอง
โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยสิ่งลวงตาลวงใจมากเหลือเกิน!


จากเนื้อเรื่องย่อ The matrix
แหล่งพลังงานของ Matrix มาจากมนุษย์
ในภาคแรกจะกล่าวถึงยุคที่มนุษย์ทำสงครามกับเครื่องจักรกลที่มีความคิดเป็นของตนเองซึ่งในที่นี้คือ "matrix"  โดยมนุษย์ใช้ไม้ตายสุดท้ายโดยการทำลายล้างแบบไม่ให้เหลือซากซึ่งทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกหนาทึบไม่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่าน ซึ่งมนุษย์ก็ได้หนีไปตั้งรกรากสุดท้ายที่เรียกว่า "ไซออน" ขณะที่ Matrix ก็พยายามดิ้นรนที่จะเอาตัวรอดโดยหาแหล่งพลังงานใหม่นั่นก็คือร่างกายมนุษย์โดยใช้มนุษย์เป็นเหมือนแหล่งพลังงานโดยหล่อเลี้ยงวิญญาณของมนุษย์ด้วยการให้จิตของมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนใน matrix

ตอนนี้จะเห็นแล้วนะครับว่ามี 2 โลกคือโลกจริง และโลกใน matrix มนุษย์ที่อยู่ในโลกจริงและเกิดในไซออนนั้นไม่สามารถเข้าไปสู่โลกใน matrix ได้เนื่องจากไม่มี plug ที่จะเสียบเพื่อ connect กับ matrix ได้ และต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ให้พ้นจากการรุกรานของเซนทิเนล (ปลาหมึกพิฆาต) แต่ในวันหนึ่งได้มีมนุษย์ที่เกิดจากการสร้างของ matrix สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ตนเองพบเจออยู่นั้นมันไม่ใช่ความจริง และสามารถนำพาตัวเองออกจาก Matrix ได้ซึ่งถูกเรียกว่า "ผู้ปลดปล่อย" (the one) ซึ่งผมเข้าใจเองว่าผู้ปลดปล่อยรุ่นแรกนั้นถูกชี้นำโดย "เทพพยากรณ์" และหลังจากผู้ปลดปล่อยก็ได้ปลดปล่อยมนุษย์ที่มี plug ออกจาก matrix มากขึ้นๆ โดยในตอนนี้มนุษย์ที่ถูก unplug สามารถเข้าไปจัดการภายใน matrix ได้แล้วโดยการเจาะระบบเข้าไปทางสายโทรศัพท์ผ่าน plug ด้านหลังซึ่งคล้ายๆ กับการถอดวิญญาณ


เซนทิเนล (ปลาหมึกพิฆาต)

matrix จึงได้ออกแบบโปรแกรมจัดการกับผู้บุกรุกซึ่งก็คือ agent โดย agent จะมีความสามารถพิเศษคือสามารถ copy ตัวเองลงบนร่างของใครใน matrix ก็ได้แต่เมื่อบาดเจ็บหรือตายก็จะเป็นร่างที่ตัวเอง copy เท่านั้นที่จะตาย ซึ่ง agent จะเก่งกาจในระดับที่สามารถเอาชนะผู้บุกรุกได้ทุกคนยกเว้น "the one" ซึ่งเมื่อใดที่ "the one" ก่อกำเนิดนั้นสงครามจะยุติทุกครั้ง และในสงครามระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรเกิดขึ้นครั้งใหม่ มอเฟียส กัปตันแห่งยาน "เนบูคาร์เนซาร์" ผู้ซึ่งได้พบกับ "เทพพยากรณ์" มีความเชื่อว่าผู้ปลดปล่อยจะเป็นผู้ที่หยุดสงครามระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรกลได้ เขาและเจ้าหน้าที่บนเรือจึงได้เริ่มค้นหาผู้ปลดปล่อย ซึ่งในที่สุดมอร์เฟียสก็ได้พบคนที่คาดว่าจะเป็น "ผู้ปลดปล่อย" จากชายผู้ซึ่งพยายามค้นหาตัวตนของเขาใน matrix เขาก็คือ แอนเดอร์สัน โปรแกรมเมอร์ในบริษัทคอมพิวเตอร์ หรือแฮกเกอร์อัจฉริยะในโลกมืด "นีโอ"

นี่คือ agent  โปรแกรมจัดการกับผู้บุกรุก
นีโอพยายามค้นหามอร์เฟียสจากความรู้สึกที่ว่าสิ่งที่เขาพบเห็นอยู่มันไม่เหมือนความจริง คล้ายกับทุกครั้งที่ตื่นขึ้นก็ยังไม่พ้นจากห้วงแห่งความฝัน ดังนั้นนีโอจึงได้พยายามค้นหามอร์เฟียสเนื่องจากมอร์เฟียสเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าชักจูงผู้อื่นให้ค้นพบ "ความจริง" (อันนี้เป็นความเข้าใจของผม..) แต่วันที่มอร์เฟียสพบผู้ปลดปล่อย matrix ก็ได้พบกับผู้ปลดปล่อยด้วยเช่นกันจากสายลับที่แฝงตัวอยู่ในยานเนบูคาร์เนซาร์ และ matrix ได้ส่ง agent เข้าถึงตัวของนีโอพร้อมๆ กับที่มอร์เฟียสพยายามจะช่วยในนีโอพ้นจากการจับกุมของ agent แต่ในที่สุดนีโอซึ่งยังไม่หลุดพ้นจากกรอบแห่ง matrix ก็ได้ถูกจับกุมและ agent ได้ใช้นีโอเป็นตัวนำให้ไปพบกับมอร์เฟียสโดยฝังเครื่องติดตามลงไปในตัวของนีโอและเปลี่ยนความทรงจำของนีโอให้เป็นเพียงความฝัน แต่ด้วยความมุ่งมั่นของนีโอที่ต้องการรู้ "ความจริง" ทำให้นีโอไปพบตามการติดต่อของมอร์เฟียส และเชื่อตามคำโน้มน้าวของทรินิตี้ก่อนที่จะลงจากรถว่า "ได้โปรดเถอะ นีโอ ทางที่คุณจะลงนั้นคุณรู้อยู่แล้วว่าถนนสายนั้นมันไปที่ไหน และสิ้นสุดตรงไหน" ซึ่งนี่เป็นการแฝงปรัชญาในเรื่องของ "ทางเลือก" ว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่ามนุษย์เราจะไม่รู้หรอกว่าเราจะเลือกทางไหน เพราะจริงๆ แล้วเราได้เลือกแล้วว่าเราเลือกทางไหน แต่ "ทำไม" เราเลือกทางนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งที่เราไม่รู้

เมื่อนีโอเลือกที่ค้นหาความจริงต่อไป เครื่องติดตามก็ได้ถูกดึงออกมาและทำให้นีโอรู้ว่าสิ่งที่เห็นคราวนั้นไม่ใช่ความฝัน เมื่อนีโอได้พบมอร์เฟียสก็ได้ถูกทดสอบด้วย "ทางเลือก" อีกครั้งในการกินแคปซูล


"รู้มั้ยคุณมานี่ทำไม คุณมาเพราะรู้อะไรบางอย่าง
ซึ่งคุณอธิบายไม่ได้ แต่คุณรู้สึก คุณรู้สึกทั้งชีวิตคุณ
ว่ามีความไม่ถูกต้องในโลก คุณไม่รู้ว่าอะไร
แต่มันเหมือนมีเสี้ยนตำจิตใจคุณ ทำให้คุณคลั่ง
ความรู้สึกนี้นำคุณมาหาผม รู้มั้ยว่าผมพูดถึงอะไร ...

อยากรู้มั้ยว่ามันคืออะไร เจ้า เมทริกซ์ อยู่ทุกแห่งหน
มันอยู่รอบตัวเรา ตอนนี้มันก็อยู่ในห้องนี้ด้วย

คุณเห็นมันเมื่อมองไปนอกหน้าต่าง หรือเมื่อคุณเปิดโทรทัศน์
คุณสัมผัสมัน ตอนคุณไปทำงาน ตอนคุณชมภาพยนตร์
ตอนคุณเสียภาษี มันเป็นโลกที่ถูกดึงลงมา ปิดตาคุณไว้จากความจริง ...

ว่าคุณเป็นทาสคนหนึ่ง นีโอ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เกิดมาเพื่อถูกจองจำ
เกิดมาในคุณที่คุณไม่อาจสูด ดม ลิ้มรส หรือว่าแตะต้อง
เป็นเรือนจำขังจิตใจคุณ น่าเสียดายไม่มีใครบอกได้ว่าเมทริกซ์
มันคืออะไร คุณต้องเห็นด้วยตาของคุณเอง ...

นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ หลังจากนี้ไม่ทางหวนกลับมา
ถ้ากินเม็ด "สีน้ำเงิน" ทุกอย่างจบ คุณตื่นขึ้นบนเตียงและเชื่อในสิ่งที่คุณอยากเชื่อ
ถ้ากินเม็ด "สีแดง" คุณจะอยู่ในแดนที่ล้ำเลิศ แล้วคุณจะรู้ว่าโพรงกระต่ายลึกแค่ไหน

จำไว้ว่าสิ่งที่ผมเสนอคือความจริง...ไม่เกินเลย "

คำพูดของ มอเฟียส ที่พูดกับ นีโอ...
ก่อ

นที่นีโอ จะเลือกกิน เม็ดสีแดง เพื่อพิสูจความจริง

"นีโอ" ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จากโลก The Matrix
มันจะเป็น "โปรแกรม" ขยายสัญญาณ เพื่อระบุว่า "ร่าง" ของนีโอนั้นอยู่ที่ไหนเพื่อส่งสัญญาณไฟฟ้ากระตุ้นใน "ร่าง" ตื่น และเมื่อร่างตื่นแล้ว ก็จะถือว่าหมดสภาพ เครื่องจักรซึ่งดูแลระบบพลังงานของ matrix จึงได้นำร่างของนีโอไปทิ้งเพื่อเตรียมเปลี่ยนสภาพเป็น "อาหาร" ของร่างอื่นๆ (ไอ้ของเหลวสีดำๆ นั่นแหละครับ) แต่ร่างของนีโอก็ได้ถูกช่วยขึ้นมาโดยยานเนบูคาร์เนซา และทำการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน

welcome to the real world....หลังจากที่นีโอสามารถฟื้นสมรรถภาพพื้นฐานร่างกายแล้ว มอร์เฟียสก็ได้อธิบายถึงที่มาที่ไปของการกำเนิดมนุษย์ที่มี plug ว่าที่แท้เรามันก็เป็นแค่ก้อนพลังงานก้อนหนึ่งเท่านั้น และทุกสิ่งที่พบมาตลอดชีวิตกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งเข้าสู่สมองโดยไม่มีอะไรเลยที่เป็น "ความจริง" ในเมื่อโพรงกระต่ายลึกกว่าที่คาดคิด นีโอเลยช็อคอย่างรุนแรง (อ๊วกแตกเลยทีเดียว) หลังจากตั้งสติได้แล้ว ก็ทำการฝึกโปรแกรมพื้นฐานสำหรับการต่อสู้ใน matrix ด้วยวิธีการ download วิชาการต่อสู้ต่างๆ ผ่าน plug (ดีจังเลยนะเนี่ย) แต่สุดท้ายในการต่อสู้ซิมูเรชั่น นีโอก็ไม่อาจเอาชนะมอร์เฟียสได้เลยเพราะนีโอยังไม่อาจก้าวข้ามขอบเขตทางฟิสิกส์ไปได้ (ทั้งที่ใน matrix ไม่มีจริง) อย่างที่มอร์เฟียสถามนีโอว่า "นายยังรู้สึกเหนื่อยเหรอ" หรือ "นายคิดว่านายหายใจอยู่รึไง" ซึ่งทำให้นีโอเริ่มก้าวข้ามกฎฟิสิกส์ในโลกแห่ง matrix ได้ระดับหนึ่ง แต่นีโอก็ยังไม่สามารถสร้าง "ความเชื่อ" ให้เกิดกับตัวเองได้

การต่อสู้ระหว่าง "นีโอ" กับ "agent"
แต่เมื่อโลกแห่งความจริงมันช่างโหดร้าย มนุษย์ unplug บางคนก็ไม่สามารถทนต่อกิเลสที่ส่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่เข้าสู่สมองได้ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) และทำให้ ไซเฟอร์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในเนบูคาร์เนซาร์ เลือกที่จะกลับเข้าสู่กิเลสที่หอมหวาน (อันนี้ปรัชญาพุทธชัดเจน กิเลสเย้ายวนทำให้คนหลงผิด) โดยเลือกที่จะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งที่อยู่ของเจ้าหน้าที่ยานเนบูคาร์เนซาร์หลังจากที่พวกเข้าสู่ matrix เพื่อพานีโอไปพบกับเทพพยากรณ์ (the oracle) ผู้ซึ่งทำให้มอร์เฟียสเชื่อและมีความหวังว่า "ผู้ปลดปล่อย" จะเป็นผู้ยุติสงคราม ซึ่งตรงนี้หนังได้แฝงปรัชญาแห่งพุทธไว้ตั้งแต่ที่นีโอ "กลับ" สู่ matrix เพราะเห็นสิ่งเดียวกัน แต่เมื่อรับรู้ต่างกัน ก็รู้สึกต่างกัน และในคำพูดของเด็กหัวล้านว่า "there is no spoon" ซึ่งหมายถึงทุกสิ่งในโลกล้วนว่างเปล่าขึ้นอยู่กับว่า "จิต" คิดให้มันเป็นแบบไหน….

จากเรื่องที่เล่ามาแบบย่อๆ (เอาซะเหนื่อยเลย) ผมกำลังจะเชื่อมโยงกับการเมืองไทยในสถานการณ์ปัจจุบันว่าอยู่ในโลกแห่งประชาธิปไตยจริงหรือ?
วันนี้ตื่นตื่นเถิดชาวไทย ตื่นจากดินแดนสตอรเบอรี่แลนด์กันเถอะ
วันนี้ตื่นนอนออกมาแล้วตาสว่างกันได้รับรู้ความจริงที่เป็นอยู่ว่าที่แท้จริงแล้วเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลยอย่างที่พูดพล่ามเพ้อมากว่า 60ปี แท้จริงเป็นแค่สิ่งปลอมๆที่สร้างขึ้นเพื่อให้เราเป็นเพียงแค่สัตว์เศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงให้พวกไม่กี่กลุ่มได้เสพสุขอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่สนใจว่า เราจะอยู่ จะเจ็บ จะป่วย และจะตายอย่างไง วันนี้ผมเชื่อว่าหลายๆท่านได้ตื่นแล้วจากโลก matrix  เดินหน้าเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงกันแล้ว และได้มีความพยายามจะปลุกให้เพื่อนที่รักของเค้าทั้งหลายตื่นจากโลกอันจอมปลอมแห่งประชาธิปไตยไทยเช่นเดียวกัน เลือกกินยาเม็ด “สีแดง” แล้วมาอยู่ด้วยกันเถอะครับ เราจะช่วยกันสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย ที่แท้จริงเพื่อเป็นมรดกให้ลูกให้หลายในภายภาคหน้าสืบไป...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น