1.ข้อกล่าวหาปรักปรำเรื่องร้อนสวาทโฟร์ซีซันส์-โดยเครือASTVผู้จัดการ และพรรคประชาธิปัตย์
***ตำเตือน*** ควรตั้งสติก่อนฟังและโปรดใช้วิจาณญาณในการรับฟัง
2.เกิดอะไรขึ้นแน่้ที่โรงแรมโฟร์ซั่นส์ เมื่อบ่ายว้ันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา?
เว็บไซต์ http://www.smesreport.com รายงานว่า ในวันดังกล่าวนั้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนาหัวข้อ “ก้าวต่อไปของ SME ไทย 2555” ในวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 12.30 – 17.00 น. ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ถ.ราชดำริ โดยได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) มากล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ก้าวต่อไปของ SME เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทย”
ทั้งนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากทั้งภาครัฐ และเอกชน มาร่วมเสวนาใน 2 หัวข้อ คือ “โอกาส ความท้าทาย และการส่งเสริม SME ไทย” และหัวข้อ “การปรับตัวของ SME ไทยเพื่อเตรียมรับโอกาสและความท้าทาย”
นอกจากนี้ ในช่วงเสวนาผู้ร่วมงานยังจะได้รับทราบถึงมุมมองและนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทิศทางการสนับสนุนและส่งเสริมทักษะและการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ การสนับสนุนจากสถาบันการเงิน ความท้าทายทางธุรกิจจาก AEC รวมถึงกรณีศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อรับมือการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางการเตรียมความพร้อมให้แก่ธุรกิจ SME ของไทยอีกด้วย
อ่านรายละเอียดข่าว ไทยพาณิชย์ ผนึกกำลัง 2 พันธมิตร เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ในงานเสวนา “ก้าวต่อไป…ของ SME ไทย ปี 2555”
มติชนออนไลน์ รายงานว่า แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิริ กรุ๊ป ออกมายอมรับว่ามีการพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จริง แต่เป็นการพบปะกันเป็นกลุ่ม ไม่ใช่ 2 ต่อ 2 นั้น เป็นเรื่องจริง
เพราะการพบปะกันครั้งนั้น มีการนัดหมายล่วงหน้ากับกลุ่มนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เป็นอีก 1 คน ที่รับทราบนัดหมายและร่วมคณะด้วย รวมถึงบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตร ก็รับทราบด้วยเช่นกัน แต่จะส่งตัวแทนร่วมหารือหรือไม่ ไม่ทราบ นอกจากนี้ ยังมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ร่วมพบปะหารือด้วย โดย 1 ในหัวข้อที่มีการพูดคุยกันคือเรื่องราคาประเมินที่ดินใหม่ในปี 2555 ที่จะประกาศราคาออกมาประมาณต้นเดือนกรกฎาคมนี้ รวมถึงแผนผังเมืองใหม่ด้วย
ความเห็นของไทยอีนิวส์:ฉากของเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าว่า มีนักธุรกิจนับร้อย ล้วนเป็นนักธุรกิจใหญ่โดของประเทศมารวมพลที่โฟร์ซีซันส์ นายกฯยิ่งลักษณ์ถือโอกาสนี้ไปประชุมนอกรอบกับนักธุรกิจ โดยรองนายกฯกิตติรัตน์ที่ไปปาฐกถางานนี้เสร็จก็ขึ้นไปสมทบในการประชุม
หากยิ่งลักษณ์กับเจ้าของแสนสิริจะแว้บเพื่อเสพสุขตามการหล่าวหาปรักปรำ นั่นหมายถึงว่าทั้งคู่ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่แคร์สายตานับร้อยนับพันคู่ที่จะเห็นพฤติกรรมเลย...ทำไมจะไม่เห็น ก็ในเมื่อนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ก็ยังเห็นยิ่งลักษณ์ไปปรากฎตัวที่โฟร์ซีซั่นส์กับเขาด้วย..?
3.ปัญหามีอยู่ว่าแล้วเอกยุทธ์ไปโผล่ที่โฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจอะไร?
มติชนออนไลน์รายงานข่าวภาพประกอบคลิปภาพถ่ายเรื่อง เปิด "ช็อตเด็ด" วงจรปิด "โฟร์ซีซัน" เบื้องหลังแผนคนร้ายชกหน้า "เอกยุทธ"
เวลา16.26 น. หลังเกิดเหตุถูกทำร้ายแล้ว นายเอกยุทธ อัญชันบุตร เดินเข้ามาด้านในโรงแรมด้านข้างล็อบบี้ใช้ผ้าประคบบริเวณหางคิ้วที่ถูกชกยืนพูดคุยกับบอดี้การ์ดที่ติดตามและถือเสื้อสูทให้สักครู่ จากนั้นนายเอกยุทธและบอดี้การ์ดได้เดินกลับไปทางลานปาริชาต อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นได้สอบถามนายเอกยุทธว่าต้องการปฐมพยาบาลหรือแจ้งความกับตำรวจหรือไม่ แต่นายเอกยุทธไม่มีความประสงค์ดังกล่าวและเดินทางกลับทันที
เว็บไซต์ go6tv รายงานเรื่อง "จดหมายน้อย" ถึง "เอกยุทธ อัญชัญบุตร" โดยอ้างว่าทีมงานได้รับจดหมายน้อยฉบับหนึ่ง เป็นนิยายจากบุคคลผู้รู้เรื่องกรณีเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร ถูกชกที่โรงแรมโฟซีซัน ซึ่งผู้เขียนได้ระบุชัดเจนว่า การชกต่อยเกิดจากการ "ทะเลาะวิวาท" ตั้งแต่ในห้องน้ำ ลามออกมาร้านกาแฟ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายกรัฐมนตรี ทีมงานจึงขอนำมาถ่ายทอดไว้เพื่อเป็นหลักฐานไว้พิสูจน์ความจริงในอนาคตต่อไป (ทีมงานได้ rewrite ใหม่เพราะให้เหมาะลงในทวิตเตอร์ และคัดลอกมายังที่นี่ จึงทำให้ข้อความเป็นบรรทัดต่อบรรทัด)
ขอย้ำอีกครั้ง นี่คือ "นิยายเอกยุทธ์"
มาเริ่มต้นรายการแบบ แมนๆกันดีกว่าเอกยุทธ์
คุณบอกสั้นๆ ว่าคุณโดนชก และพาดพิงนายกฯ โดยที่คุณไม่ยอมพูดว่าคุณไปโรงแรมนั้น พบใคร
คุณบอกว่า คุณโดนชกขณะที่ทานกาแฟอยู่กับนักธุรกิจท่านหนึ่ง แต่คุณไม่กล้าเอ่ยชื่อว่าเขาคือใคร แต่ไพล่ไปพาดพิงนายกฯบนชั้นเจ็ด โดยที่เค้าไม่รู้เรื่อง
เอกยุทธ์ไปทานกาแฟจริง และนัดพบนักธุรกิจท่านหนึ่ง ซึ่งกำลังโด่งดังในขณะนี้ คุณพบกับเขาใช่หรือไม่
การเจรจานั้น คุณไปพูดจาอย่าง "นักเลงชั้นต่ำ" "ไม่ลงทุนอะไรเลยในธุรกิจ" คิดจับเสือมือเปล่า ในขณะที่อีกฝ่ายเขามีทั้ง "เงินสดและอิทธิพลในมือ"
คุณนัดเค้าทานกาแฟ เพราะ "เห็น" ความยิ่งใหญ่ของเค้า ที่มีทั้งธุรกิจ "หวย-ตลาดยักษ์ใหญ่" และบารมีแอบอิงนักการเมืองขาขึ้น ใช่หรือไม่เอกยุทธ์
คุณนัดพบ อยากคุยกับเขา เพราะเห็นเขามีทั้ง "สายสนิทไกล้ชิดผู้ใหญ่" ที่คุณเองยังไม่เคยมีคุ้มกะลาหัว ใช่หรือไม่ เอกยุทธ์
คุณหนีคดีไป ๒๐ ปี แม้คุณจะมีเงินสด แต่คุณไม่มีบารมี ไม่มีเส้น พอเจอ "ใครสักคน" ที่มีบารมี-เส้นใหญ่เพียงพอที่จะช่วยคุณได้ คุณจึงอยากสยายปีก
ใช่.. คุณไม่เคยเจอเขาเลย จึงนัดพบเขา พร้อมการแนะนำตัวอย่าง "กร่างๆ" โดยที่คุณคิดว่า "เค้า" จะยอมสยบคุณ แต่คุณกำลังคิดผิด เพราะเขาก็นักเลงพอ
เมื่อเริ่มสนทนา คุณก็ตะล่อมชวนเขามาทำธุรกิจกับคุณ โดยที่เขาก็พูดชัดว่า "ไม่เคยรู้จักเอกยุทธ์ และไม่ต้องรู้จัก" แต่เพื่องาน ก็นั่งลงคุยดูก่อน
เอกยุทธ์ ใช้ความกร่างผิดที่ รู้อยู่ "เค้ารวย" แต่กลับอาศัยความรวยกว่า "ข่ม" ทุกเม็ด ทุกดอก หวังจะให้ "เศรษฐีหน้าใหม่" ยอมสยบกับเอกยุทธ์
คุณเห็นเขาจับธุรกิจ "ตลาดยักษ์ใหญ่สุด เม็ดเงินสะพัดมากที่สุดของไทย" คุณอยากมีเอี่ยวด้วย แต่การเจรจาอยู่บนพื้นฐาน กูได้ฝ่ายเดียว จริงไหม?
คุณเห็นเขาได้ธุรกิจ “หวย” ซึ่งแน่นอน คนได้หวยต้องใหญ่ชนิดมีกะลาหัวขนาดใหญ่คุ้มครอง คุณก็จะไปขอเอี่ยวเอาเงินฟาดหัวเขาดื้อ
คุณขอ "ร่วมธุรกิจ" กับเขาแบบที่คุณไม่ได้ลงทุนอะไรเลย??? คุณเจรจาบนพื้นฐานของ ได้-เสีย ไม่ใช่ ได้-ได้ ตามหลักธุรกิจเลย
พอคุยเรืองตัวเลขระดับ "พันล้าน" เสร็จ เอกยุทธ์ข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่ได้มองว่าตัวเองเหมือนหมาไม่มีอิทธิพลใดๆเลย แต่ดันไป "ข่ม" เค้า
พอเข้าเรื่อง "อิทธิพล-บารมี" ฝ่ายหนึ่งเข้ามีล้นเหลือชนิดที่เอกยุทธ์ คงลืมดูดวงมาก่อน ใช้วาจาสามหาว ทั้งข่ม ทั้งละเมิดผู้มีพระคุณเหนือหัวเค้า
วาจาสามหาว ของเอกยุทธ์ ไปกระทบกระเทียบ แดกดัน ผู้ให้ความเคารพนับถือของอีกฝ่ายหวังข่มให้ยอมสยบแบบ "โง่ๆ" ของเอกยุทธ์ เค้าก็ยั๊วะสิว่ะ
พอเห็นท่าไม่ดี เอกยุทธ์ รีบกลับลำ มาคุยเรื่องธุรกิจ แต่อีกฝ่ายบอก ไม่สนใจและขอตัวกลับทันที โดยที่เอกยุทธ์ พูดไล่หลังไปทำนองเหยียดหยาม
ผ่านไปร่วมชั่วโมง โชคไม่ดีเลยสำหรับเอกยุทธ์ เพราะคำสนทนาเค้า สร้างความโกรธแค้น เหมือนดูถูกศักดิ์ศรี "เสือ" ของอีกฝ่ายอย่างร้ายกาจมากๆ
ปากเอกยุทธ์ บนโต๊ะกาแฟ สร้างฟืนไฟในใจของ " บริวาร" อย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนักธุรกิจคนนั้นกลับไป "เหยื่อรายใหม่ของเอกยุทธ์ก็เดินเข้ามา"
อย่าลืม เอกยุทธ์ เองก็มีการ์ดเหมือนกัน การ์ดกับการ์ดเจอกัน พอรู้ว่านายตน "พลาด" ไปด่าอีกฝ่าย ซึ่งวงการนักเลงรู้ดีว่า "นักธุรกิจ" คือใคร
การ์ดเอกยุทธ์ คำนวนกำลังแล้ว "ปล่อยนายเจ็บคนเดียว ดีกว่าพวกกรูซวยโดนลูกหลงตายไปด้วย" แน่ๆ จึงแอบนัดแนะนอกห้องกาแฟจัดฉาก "ไม่รู้ไม่ชี้"
พอได้เวลา "คนหนึ่ง" ซึ่งเคยมีประเด็นทางใจกับ เอกยุทธ์ เข้ามานั่งทานกาแฟในห้องเดียวกันด้านหลังเอกยุทธ์ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ากำลัง "ซวย"
"คนนี้" ตามล่าหาเอกยุทธ์ มานานหลายเดือน ตั้งแต่เอกยุทธ์ ไปด่า "แม่หญิงเหนือ" ขายตัวเป็นอย่างเดียว อย่ามาบริหารประเทศเลย คนนี้โกรธแค้นมาก
เขาใจเย็น ทานกาแฟหมด จ่ายตังส์ ในขณะที่ทานกาแฟ เอกยุทธ์ ก็กำลังคุยแกมด่ากับ "นักธุรกิจ" คนแรก และปรามาสลามปามไปถึง "ผู้ใหญ่" ของฝ่ายแรกอย่างมัน
แขกนั่งหัวเราะด้วยสนุกสนาน เอกยุทธ์ ขอตัวไปห้องน้ำ ชายคนนั้น "เดินตามไปด้วย"
สองคนเดินตามกันไปใน "ห้องน้ำ" การสนทนาในห้องน้ำ ไม่มีใครบอกได้ว่า "ใครเริ่มก่อน" แต่ "เริ่มเตือนกันเบาๆว่า อย่าลามปาม" เอกยุทธ์เยาะเย้ย
เอกยุทธ์ คงหยาม และรู้แล้วว่าจะมีอะไร แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้า จึง "เหยียดหยามซ้ำ" ลงไปทั้งลูกน้องทั้งเจ้านายลามไปนายใหญ่ของฝ่ายแรก
"ฟิวส์ขาด" ทันทีเมื่อ "เอกยุทธ์" ลามปามไปถึง "แม่หญิง" เพราะเอกยุทธ์ เคยลามปามสาวเหนือไว้ และยังกล่าวซ้ำอีก ชายคนนี้คุณแม่เป็นคนเหนือ
ชายคนนี้ มีภรรยาคนเหนือ มีลูกสาวอยู่เหนือ และยังไม่หายโกรธที่เอกยุทธ์ ด่า "แม่สาวเหนือขายตัว" เมื่อหลายเดือนก่อน แต่วันนี้ เอกยุทธ์ด่าซ้ำ
เอกยุทธ์ เดินออกจากห้องน้ำ กลับมาโต๊ะกาแฟ โดยไม่บอกคู่สนทนาว่าไป "ก่อวีรกรรม" อะไรไว้ในห้องน้ำเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา แต่หัวเราะอารมณ์ดี
ลืมบอกไป นักธุรกิจคนที่ีสองที่คุย ก็ไม่ใช่สะอาดอะไร เทาๆ ปน ฟ้าๆ เอกยุทธ์ จึงไม่กล้าเอ่ยชื่อเขากับสื่อฯ ว่านั่งทานกาแฟกับใครระหว่างโดนชก
ได้ฤกษ์ยาม ความแค้นที่โดนหยามซ้ำในห้องน้ำ ชายคนนี้ เดินย่างสามขุม ออกมาจากห้องน้ำ เดินตรงมาโต๊ะกาแฟ ชกเปรี้ยงเข้าไป 3 หมัด
ฝ่ายแรกเมื่อโดนชก หงายหลังตกเก้าอี้ แขกร่วมสนทนาตกใจเฮือก ขยับถอยหลังไปด้านหลังทันที การ์ดเอกยุทธ์ รู้แล้วรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์
ชายคนนั้น ยกเก้าอี้ยกขึ้นเหนือหัวขู่ "การ์ดเอกยุทธ์" ให้รู้ทางกันว่า "อย่าเสือก และถอยไปซะ" ไม่งั้น ไอ้นี่เจ็บกว่าเพราะหากมึงเข้ามากรูจะฟาดหัวเอกยุทธ์แน่
ต้องขอบใจภาษานักเลง การ์ดรู้ทัน รีบสะกิดถอยให้นายรับกรรมคนเดียว หนักจะได้เป็นเบา อย่าไปโดนลูกหลง เค้าจึงวางเก้าอี้ลงและพูดสั้นๆ "อย่าดูถูกผู้หญิงอีก"
จากนั้น เขาก็ย่างสามขุมเดินออกไปจากโรงแรม ไม่ได้มีการวิ่งหนี ไล่ล่าแบบที่เอกยุทธ์ แต่งนิยายเลยแม้แต่คำเดียว
เหตุเกิดตอนบ่ายสาม แต่เอกยุทธ์เพิ่งมาโพสท์ข้อความตอน ๓ ทุ่ม คงหาทางออกยังไงดี เพราะจะพูดตรงๆก็ไม่ได้ว่าโดนชกเพราะอะไร จึงหวยไปออกที่นายกฯ
และเหตุใด "เอกยุทธ์" ไม่กล้าแจ้งความ ? ผมท้าว่า "ให้เอกยุทธ์รีบๆไปแจ้งความเสียโดยไว" เพราะเอกยุทธ์รู้ดี ว่าโดนชกเพราะอะไร ปากไปด่าใครไว้
เอกยุทธ์รู้ดี หากไปแจ้งความ "เอกยุทธ์ จะไม่มีโชคดีครั้งที่ 2" แต่รู้ไหม เอกยุทธ์คิดผิดหนักกว่าเดิม เพราะดันไปลากนายกฯ ลงมาด้วย
แทนที่จะจบง่ายๆ เอกยุทธ์ ปิดตัวเงียบๆสักพัก กลับกลายเป็นหาเรื่องหนักและใหญ่กว่าเก่า ตอนนี้ โจทก์เก่าทั้งแบบรับเชิญและไม่รับเชิญเริ่มขยับ
เอกยุทธ์ ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าเค้ามีทั้งเงิน บารมี อิทธิพลระดับพระกาฬ จนตัวเองอยากเกี่ยวดองหุ้นส่วนธุรกิจกะเขา แต่เขา "ปฏิเสธ" อย่างไร้เยื้อใย
เอกยุทธ์ ตอบโต้ "คำปฎิเสธร่วมธุรกิจ" ด้วยวาจาสามหาว หยาบคาย ลามปามไปถึงผู้ใหญ่ต่างๆมากมายที่เขานับถือ โดยไม่ดูเงากะลาหัวตัวเองเลยแม้แต่น้อย
3 หมัดที่คนกลาง ประเคนให้โดยบังเอิญนั้น หลายคนบอกน้อยไป แต่ผมกำลังจะบอกว่า เอกยุทธ์ เงาหัวจะหายมากกว่า เพราะเล่นลามปามเท็จไม่เลิกแบบนี้
ทางออกที่ดีของเอกยุทธ์วันนี้คือ หยุดสามหาว และใส่ความเท็จ ไม่ว่าจะกับใครทั้งสิ้น เพราะตัวเองก็ไม่ได้มี ภูมิคุ้มกัน อะไรสักอย่าง และขอท้าเลย
ขอท้าให้ เอกยุทธ์ ออกมาพูดความจริง ว่ามีคำสนทนาอะไรในห้องน้ำเป็นชนวนจนเกิดการทะเลาะวิวาท ไม่ใช่มาใส่ร้ายนายกฯ ที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย
สรุปว่า เป็นสามเรื่อง "บังเอิญ" ที่เหมาะเจาะตรงกัน คราวนี้ก็ "ต่อจิ๊กซอ" ครบด้านแล้วว่าทำไม เอกยุทธ์ โดนชก แต่เอกยุทธ์ ไม่กล้าพูดเลยสักคำ เพราะเอกยุทธ์รู้ว่า หากพูด ตนเองจะไม่สามารถปกป้องอะไรตนเองได้อีกเลย
หาก "ผล" คือโดนชก "เหตุ" จึงควรเป็น "ใครชก" มากกว่าจะมาพูดเรื่องอื่น แต่ที่สงสัย ทำไมเอกยุทธ์ไม่กล้าแจ้งความ? คนปากกล้าปากดีแบบเอกยุทธ์
ผมจึงเรียกร้องให้เอกยุทธ์ "ฟ้องคนต้นเหตุ" คือฟ้องคนชกปาก น่าจะตรงตามเหตุและผลมากกว่าครับ
ดังนั้น เอกยุทธ์ ควรเลิกงอแง โวยวายนายก เพราะเค้าไม่รู้เรื่อง หากยังไม่เลิก ผมบอกได้เลยว่า แฟนคลับนายกฯ มีทั่วเมืองนะครับ อาจไม่โชคดีรอบ 2
ความเห็นไทยอีนิวส์ตรงกับสุนัยแฟนคลับ :แม้รายงานข้างต้นจะไม่หนักแน่นนัก แต่อาจทำให้เราเห็น"ร่องรอย"บางประการว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอกยุทธแน่ และทำไมเรื่องกลายเป็นว.5โฟร์ซีซั่นส์ให้เครือASTVและประชาธิปัตย์"งับเหยื่อ"ไปด้วยความมักง่าย และกลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปในที่สุด
การรับข้อมูลข่าวสารต่างท่านต้องตั้งสติ คิดให้ลึกๆ แล้วก็หลายรูปแบบ ถ้าคิดแค่ผิวๆ ทำไมไม่เข้าไปในห้องประชุมเลยล่ะทำไมต้องไปชั้น 7 ถ้าคิดแบบนักธุรกิจก็คือไหนๆก็มีการรวมตัวกันของนักธุรกิจชั้นนำอยู่ที่นั้นอยู่แล้วจะเสียเวลาไปขอเข้าพบหรือเชิญมารวมตัวกันทำไมอีก ก็ใช้โอกาสนี้ เชิญกลุ่มนักธุรกิจมาคุยเลยไม่ดีกว่าหรือแค่ชั้น 7 เอง (ที่ไม่ตอบหรือไม่พูดแล้วประชาชนจะเห็นฐาตุแท้ของเหล่าที่จ้องรุมสหบาทา่นายกฯกระนั้นหรือ) แต่ถ้าคิดแบบ สลิ่ม+พธม.+ปชป. ในหัวมีแต่เรื่องคาวๆอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในความคิดของเขาคำว่า "โรงแรม" ก็หมายถึงที่ที่จะไปกระทำการไดๆที่พวกเขาคิดและชอบทำกันอยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น