บทชี้นำ
จาก REDPOWER ฉบับ 23 เดือน กุมภาพันธ์ 55รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการทั้งเนื้อหาและที่มา,เป็นผลผลิตจากรัฐประหาร 19 กันยา 2549
เข้าใจกันให้แจ่มชัดเสียทีเถิดว่าการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 มิได้กระทำโดยกองทัพ หากแต่กระทำโดยระบบราชการไทย เราจึงเห็นประธานศาลฎีกาเข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรี และเห็นปฏิบัติการของผู้พิพากษาบางคนที่มารับใช้นโยบายการเมืองของกองทัพที่เป็นหุ่นเชิดในการยึดอำนาจรวมตลอดทั้งลากผู้พิพากษาอีกโขยงใหญ่เข้ามาเสวยอำนาจทางการเมืองในตำแหน่งองค์กรอิสระและมีอำนาจตั้งสมาชิกรัฐสภาเองได้ รวมทั้งทำหน้าที่ปักชนักเข้ากลางหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดคุก 2 ปี เพราะรับรองสำเนาถูกต้องบัตรประชาชน
ทำไมต้องเอาศาลและระบบราชการไทยมาลงทุนที่เสี่ยงภัยเช่นนี้?
ตอบฟันธงเลยว่า เพราะเป็นช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญและเป็นภาวะการเปลี่ยนผ่านที่ยากแก่การลงตัวทางอำนาจ รูปธรรมของคดีอากง,โจ กอร์ดอน และการไม่ได้ประกันตัวของผู้ต้องหาในคดีการเมืองจึงเห็นกันดาษดื่น
ตอบฟันธงเลยว่า เพราะเป็นช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญและเป็นภาวะการเปลี่ยนผ่านที่ยากแก่การลงตัวทางอำนาจ รูปธรรมของคดีอากง,โจ กอร์ดอน และการไม่ได้ประกันตัวของผู้ต้องหาในคดีการเมืองจึงเห็นกันดาษดื่น
แม้โลกประท้วง แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ต้องนิ่งเฉยเพราะทุกวันนี้ไทยอยู่ในโครงสร้างของระบอบเผด็จการอำมาตย์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงมีฐานะเป็นเพียงรัฐบาลที่ขายแต่เส้นขนมจีนแต่ไม่มีน้ำยา
ระบอบเผด็จการแห่งอำมาตย์หรือระบอบเผด็จการแห่งราชการจึงนั่งขี่คอระบอบประชาธิปไตยพลเรือนที่มีบทบัญญัติมากมายที่พร้อมจะตัดสิทธิ์ ส.ส.และทำลายพรรคการเมือง แต่ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะตัดสิทธิ์และทำลายหน่วยงานราชการได้เลย แม้แต่โยกย้ายข้าราชการที่รับใช้เผด็จการก็ยังยากยิ่งทหารความคิดเผด็จการแตะไม่ได้เลย
กองกำลังของระบอบเผด็จการอำมาตย์นั่งอยู่ในรัฐสภาในฐานะพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องลงแรงหาเสียงเลือกตั้ง คือ วุฒิสมาชิกที่ศาลแต่งตั้ง 74 คน เมื่อรวมกับพรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ ก็กลายเป็นพลังขนาดใหญ่ของกลุ่มการเมืองในรัฐสภา และเข้มแข็งกว่ารัฐบาลเพราะมีกองทัพและระบบราชการหนุนหลังอยู่ สู้อย่างไรเผด็จการก็ไม่แพ้ในระบอบสภา
พิสูจน์มาแล้ว คือ กรณีคำพิพากษาที่ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
,.... ตาสว่างกันเถิด
ภาวการณ์ขับเคลื่อนการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ จึงไม่ต่างอะไรกับการขี่รถมอเตอร์ไซด์สีแดงกลางทุ่งนาที่เต็มไปด้วยควายที่พร้อมจะไล่ขวิด
สีแดงมันแสลงตาควาย
ภาวการณ์ขับเคลื่อนการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ จึงไม่ต่างอะไรกับการขี่รถมอเตอร์ไซด์สีแดงกลางทุ่งนาที่เต็มไปด้วยควายที่พร้อมจะไล่ขวิด
สีแดงมันแสลงตาควาย
รัฐธรรมนูญปี 50 จึงแก้ไม่ได้แต่จำเป็นต้องแก้!!! แล้วจะทำอย่างไร
?
เพื่อป้องกันควายไล่ขวิดยิ่งลักษณ์ จำเป็นจะต้องทำรั้วป้องกันเส้นทางการขับรถมอเตอร์ไซด์ของยิ่งลักษณ์จนกว่าจะถึงเป้าหมาย
เพื่อป้องกันควายไล่ขวิดยิ่งลักษณ์ จำเป็นจะต้องทำรั้วป้องกันเส้นทางการขับรถมอเตอร์ไซด์ของยิ่งลักษณ์จนกว่าจะถึงเป้าหมาย
ใครจะเป็นคนทำ? และรั้วนั้นคืออะไร ?
มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่ต้องร่วมแรงร่วมใจหาเศษไม้เศษไร่มาวางเป็นรั้ว 2 ข้างทางรถวิ่ง
จะหาเศษไม้เศษไร่ที่ไหนมาทำรั้ว?
เท่าที่เห็นก็มีเศษไม้ชิ้นใหญ่ คือการเคลื่อนไหวเสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์ และการเคลื่อนไหวเพื่อนำตัว นายอภิสิทธิ์ –สุเทพ ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ที่ ส.ส.สุนัย จุลพงศธร พึ่งเดินทางกลับมา เป็นเบื้องต้น
เท่าที่เห็นก็มีเศษไม้ชิ้นใหญ่ คือการเคลื่อนไหวเสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์ และการเคลื่อนไหวเพื่อนำตัว นายอภิสิทธิ์ –สุเทพ ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮก ที่ ส.ส.สุนัย จุลพงศธร พึ่งเดินทางกลับมา เป็นเบื้องต้น
มวลชนต้องระดมสรรพกำลังสร้างมติมหาชนอันชอบธรรมทวงคืนเสรีภาพทางความคิดให้แก่การกล่าวความจริง ด้วยการแก้ มาตรา 112 คืนสิทธิแห่งพลเมืองให้แก่คนตายและบาดเจ็บจากน้ำมือรัฐแห่งระบอบเผด็จการอำมาตย์ที่ราชประสงค์ ด้วยการจับอภิสิทธิ์ – สุเทพ ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ
ระบอบศาลไทย คือแกนกลางแห่งระบอบเผด็จการอำมาตย์
อย่าให้ยิ่งลักษณ์ขับรถมอเตอร์ไซด์ไปอย่างโดดเดี่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น