Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ละครน้ำเน่าลอบฆ่าอภิสิทธิ์ - ล้มยิ่งลักษณ์

ละครน้ำเน่าลอบฆ่าอภิสิทธิ์ - ล้มยิ่งลักษณ์   บทความบางส่วนจาก RED POWER


หาซื้อได้แล้วทุกแผงหนังสือวันนี้ครับ

            กระแสยิ่งลักษณ์ยิ่งแรงแซงโค้งอภิสิทธิ์ เมื่อนายเนวิน  ชิดชอบ ออกมาฟันธงว่าอภิสิทธิ์แพ้แน่นอน และยิ่งเข้าโค้งสุดท้ายใกล้ 3 กรกฎาคม สถานการณ์ยิ่งเห็นชัด แต่คำถามแห่งความวิตกกังวลของผู้คนที่ถูกผีเผด็จการหลอกหลอนมา 5 ปีเศษแล้วว่ายิ่งลักษณ์ จะฝ่าวิกฤติจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ บทวิเคราะห์ Red Power ขอฟันธงว่าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลฝ่าวิกฤติได้แน่นอน วันนี้โค้งอันตรายไม่ใช่อยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล แต่อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจจะทำใจในภาวะสวรรค์ล่มและตัวช่วยอึดอัดใจที่จะช่วย ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องใช้วิชามารขั้นสูงสุด คือการสร้างสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งด้วยบทละครลอบฆ่าอภิสิทธิ์ ล้มยิ่งลักษณ์และผู้ประพันธ์บทเลวร้ายเช่นนี้ไม่มีใครเกินเลขาธิการพรรค ซึ่งได้สร้างผลงานแห่งอดีตอันไม่งามนี้ 2 ปีแล้ว คือการเขียนบทละครล้มเจ้าที่อื้อฉาว อีกทั้ง สุเทพยังมีเจิมศักดิ์       ปิ่นทอง แห่งกรมประชาสัมพันธ์เป็นสมุนคู่ใจ หากบทละครนี้ปรากฏขึ้นในโค้งสุดท้ายรับรองเซียนอย่างทักษิณก็เถอะจะเกิดภาวะหืดขึ้นคออย่างแก้ไม่ตก......ต้องระวัง
           


ธงอภิสิทธิ์ลดลงเป็นระยะๆ
          
            ภาวะแห่งการถอดใจของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ แสดงออกต่อสังคมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อนายอภิสิทธิ์แสดงความหงุดหงิดใส่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเช่นนายเนวิน ที่ออกมาทำนายฟันธงกว่า อภิสิทธิ์แพ้แน่ด้วยคำพูดเหน็บแนมไล่ส่งให้นายเนวินกลับไปทำทีมฟุตบอลดีว่า ทั้งๆที่เคยกอดคอจูบปากตั้งรัฐบาลกันมา และเหน็บแนมคำเตือนสติของนายบรรหารที่ให้นายอภิสิทธิ์ทำใจให้กว้างว่า นายบรรหารโกรธเพียงเพราะปฏิเสธไม่ไปบึงฉวากที่สุพรรณบุรี(มติชน  2  มิถุนายน  2554)


            การเดินทางไปหาเสียงที่ภาคเหนือเมื่อต้นเดือนมิถุนายน นายสมาน  ชมพูเทพ นักการเมืองสารพัดพรรคได้พยายามประจบประแจงนายอภิสิทธิ์โดยจัดพิธีสืบชะตาที่วัดหนองเงือก จังหวัดลำพูน ข่าวภายในวงพิธีกรรมรายงานว่า นายอภิสิทธิ์มีสีหน้าไม่ค่อยดีและมีท่าทีปฏิเสธในเบื้องต้นเพราะไม่ชอบทั้งพิธีกรรมและนายสมาน  ชมพูเทพ ที่มีประวัติอื้อฉาวในจังหวัดลำพูน แต่ที่ปรึกษาใกล้ชิดก็ให้เหตุผลเรื่องคะแนนนิยมที่ตกต่ำในภาคเหนือมาก ทำให้นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจยอมทำตามในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ และล่าสุดกระแสนิยมในพรรคประชาธิปัตย์ได้ลดลงจนนายอภิสิทธิ์ประจักษ์ด้วยตัวเอง และดูประหนึ่งว่า นายอภิสิทธิ์ได้รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วถึงขนาดให้สัมภาษณ์เป็นนัยว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะใช้เสียงในสภาที่มากกว่าเปลี่ยนแปลงกฎหมายด้วยคำว่า จะใช้เสียงดังกลบความถูกต้องของกฎหมายหรือ(ไทยรัฐ  4  มิถุนายน  2554 )



วิกฤติคอยท่ายิ่งลักษณ์หลังเลือกตั้ง



            แม้ผลการเลือกตั้งจะพอรู้ได้จากหลักวิชาการวิจัยที่ทำประชามติ ซุ่มคะแนนความนิยมของประชาชนจากหลายสำนักซึ่งตรงกันว่า หมายเลข 1 นำหน้าหมายเลข 10 แน่นอน แต่มี 2 วิกฤติกำลังรอท่าผู้ชนะมาฝ่าฟัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม ก็คือวิกฤติ Vote No ของกลุ่มพันธมิตรและวิกฤติเสียงชนะในสภาไม่เด็ดขาดกำลังกลายเป็นกระแสที่สร้างความหวาดวิตกให้สังคม

            การที่กลุ่มพันธมิตรประกาศตัวอย่างเด็ดเดี่ยวให้ประชาชนโหวตโนให้มากที่สุด และหากคะแนนโหวตโน(กาช่องไม่ลงคะแนน)และโนโหวต(พวกนอนหลับทับสิทธิ์)รวมกันได้มากถึง 5 ล้านเสียงก็แสดงชัดว่า ประชาชนไม่พอใจพวกที่เข้าสภา  ที่เปรียบเสมือนสัตว์เดรัจฉาน กลุ่มพันธมิตรก็จะเสนอให้ปฏิรูประบบการเมืองใหม่ ดังนั้นการเคลื่อนไหวมวลชนเสื้อเหลืองนอกสภาเพื่อล้มระบบการเลือกตั้งอันเป็นฝันร้ายของประชาชนก็จะกลับมาอีก แม้ปัจจุบันจำนวนสมาชิกเสื้อเหลืองที่มาชุมนุมที่สะพานมัฆวานจะไม่มาก แต่เกจิอาจารย์ทางการเมืองวิเคราะห์ฟันธงว่า ม๊อบพันธมิตรเสื้อเหลืองยังคงความเป็นม๊อบเส้นใหญ่ที่ กกต.ไม่กล้ายุ่งและตำรวจก็ไม่กล้าแหยม ทั้งๆที่ กกต.มีมติเสียงข้างมาก 4 :1 แล้วว่าเป็นการโฆษณาต่อต้านการเลือกตั้งซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  อีกทั้งการปิดถนนราชดำเนินไม่ยอมคืนพื้นที่ให้การจัดงานกาชาดก็ตาม ล้วนแต่เป็นการแสดงออกถึงภาวะเส้นใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามได้  และอีกวิกฤติหนึ่งก็คือวิกฤติที่ไม่มีเสียงพรรคใดเกินครึ่งสภา ย่อมจะก่อให้เกิดความวุ่นวายเกิดการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีกซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะอาศัยตัวช่วยสีเขียวตัวเดิมที่จะสร้างรัฐบาลเทพอุ้มสมอีกครั้งหนึ่งให้ได้ แต่แทนที่ทั้ง 2 วิกฤตินี้จะเป็นอุปสรรคต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่จะกลายเป็นโอกาสคล้ายกับไม้บูมเมอแลงทางการเมืองที่ย้อนกลับมากระตุ้นให้สังคมตัดสินใจออกมาลงคะแนนเสียงกันมากขึ้น และเทคะแนนให้พรรคการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่ง จนมีเสียงเด็ดขาดในสภาไปอย่างแน่นอน



มารยังตามผจญยิ่งลักษณ์

            กระแสการเมืองของยิ่งลักษณ์ที่ขึ้นสู่กระแสสูง แทนที่จะเป็นบวกกลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้มารที่เคยรังควานพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะหาทางเบรคคะแนนของพรรคเพื่อไทยไม่ให้ถึงครึ่งสภา เพื่อให้อำนาจต่อรองของมาร(อำนาจนอกระบบ) เข้มแข็งขึ้น วิธีการของมารที่จะเบรคคะแนนก็จะเป็นแบบมารๆนั่นคือจะใช้ความรุนแรง เลือดเนื้อ และชีวิต ของประชาชนมาเป็นเครื่องมือ เพราะตามทฤษฎีแล้วความรุนแรงจะสวนทางกับการลงคะแนน ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์คนไทยที่จะกลัวและจะอยู่กับบ้านโดยไม่ออกไปลงคะแนน หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งเคยพิสูจน์ความจริงมาแล้วในเหตุการณ์ล้อมฆ่านักศึกษาเมื่อ 6  ตุลาคม  2519 และเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจโค่นล้มกันไปมาหลังจากนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งปรากฏว่ามีผู้มาลงคะแนนน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีผลให้ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชากรไทยในกรุงเทพมหานคร ชนะยกทีมทุกเขตในกรุงเทพฯ แม้แต่คนโฆษณาขายผงซักฟอกในโทรทัศน์ซึ่งไม่เคยสนใจการเมืองเลย ก็ชนะการเลือกตั้งด้วย คงมีที่นั่งเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์เพียงเสียงเดียวในกรุงเทพฯเท่านั้นคือนายถนัด  คอร์มัน  ดังนั้นสัญญาณอันตรายของมารผจญจึงเกิดดังขึ้น เริ่มต้นจากการขว้างระเบิดเข้าไปในม๊อบพันธมิตรที่สะพานมัฆวานเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มพันธมิตรก็วิเคราะห์ว่า เป็นฝีมือของคนมีสีที่ต้องการสร้างสถานการณ์ไม่ให้มีการเลือกตั้ง หรือเบรคการเลือกตั้ง  จะเห็นได้ว่ามารนี้มีความโหดเพียงใด ขนาดพันธมิตรซึ่งเป็นแนวร่วมทางความคิดก็ยังไม่เว้นที่จะเอาชีวิตใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวย  ดังนั้นขอให้จับตามองให้ดีว่าจะเกิดเสียงระเบิดตูมตามขึ้นที่ใดอีก ไม่เว้นแม้กระทั้งชีวิตผู้สมัครส.ส. ดังนั้นแกนนำพรรค ทุกคนโปรดระวัง

 
ละครล้มเจ้า ตัวอย่างการสร้างสถานการณ์


            นับตั้งแต่คำสารภาพของพันเอกสรรเสริญ  แก้วกำเนิดในศาลเรื่องขบวนการล้มเจ้าไม่ใช่ของจริง และศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมไปแล้วนั้น ได้กลายเป็นแสงไฟส่องสว่างให้เห็นพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงสถานการณ์เลือกตั้งว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ที่ทุกฝ่ายต้องระวัง เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ควบคุมกลไกของกอ.รอน.โดยมีนายสุเทพ            เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และขบวนการล้มเจ้าก็โด่งดังขึ้นจากปากของนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ที่บันทึกอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ในการตอบคำถาม ส.ส. ฝ่ายค้านเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๓  ว่ามีขบวนการล้มเจ้าจริง โดยรับลูกด้วยลูกสมุนที่ซื่อสัตย์อย่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดี เอส ไอ และกรมประชาสัมพันธ์ที่มีอธิบดีและนายเจิมศักดิ์  ปิ่นทอง กับนายวันชัย สอนศิริเป็นทีมทำงานดังนั้นเมื่อ พ.อ.สรรเสริญ  สารภาพต่อศาลว่าแผนผังขบวนการล้มเจ้าไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ที่แถลงต่อสื่อมวลชน ส่วนใครจะเชื่อก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน (ปรากฏหลักฐานคำสารภาพในการประนีประนอมยอมความระหว่างอาจารย์สุธาชัย  ยิ้มประเสริฐ  โจทก์ และ พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด  จำเลย  และศาลมีคำพิพากษาตามยอมที่ได้ตกลงกันนี้) ดังนั้นในวันนี้ นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ย่อมปฏิเสธถึงบทบาทสำคัญของการเป็นผู้อำนวยการกำกับบทละครมือเอกที่หลอกลวงประชาชนไม่ได้ เพราะบทละครเรื่องนี้ได้สร้างความปั่นป่วนให้แก่บ้านเมืองมานานกว่าปีเศษแล้ว โดยมีทีมงานช่อง 11 ได้แก่ นายเจิมศักดิ์  ปิ่นทองและนายวันชัย  สอนศิริ  เป็นตัวแสดงประกอบโดยความเห็นชอบของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ควบคุมเวลาสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ผู้ถ่ายทอด จนกระทั้งนายวันชัย  สอนศิริ  แสดงบทดีเด่นจึงได้บำเหน็จให้ไปเป็นวุฒิสมาชิก สายแต่งตั้งแล้วขณะนี้


            แม้วันนี้จะเข้าสู่ภาคการเลือกตั้งแล้ว บทบาทของช่อง 11 ยังทำหน้าที่รับใช้ แผนงานหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเฉพาะรายการของนายเจิมศักดิ์  ปิ่นทอง และนางบุญระดม  จิตดอน  ดังนั้นจึงเชื่อขนมกินได้ว่า ช่อง 11 พร้อมจะทำหน้าที่ประโคมข่าวเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย ตามแผนป.ช.ป ได้เสมอตามภาษาเซียนพนันที่ว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เทหมดหน้าตัก



ละครน้ำเน่าลอบสังหาร เบี่ยงเบนคะแนนยิ่งลักษณ์


            ข่าวคราวความรุนแรงและแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงเป็นระยะๆในขณะนี้เป็นเรื่องการเมืองชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย นับตั้งแต่เริ่มประกาศการเลือกตั้ง คือกรณีขว้างระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีกเพื่อสร้างกระแสล้มเลือกตั้งหรือป้ายสีเสื้อแดงเพื่อเรียกคะแนนสงสารให้แก่พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะจะเกิดกับบุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ดังจะเห็นได้ว่าบทละครเรื่อง อภิสิทธิ์ถูกลอบทำร้ายเริ่มต้นทดลองแสดงแล้วจากกรณีสาวกสันติอโศก นางสิริมา  นวลแจ่ม ที่ปลอมตัวมาเป็นเสื้อแดงเพื่อจัดฉากว่าประท้วงด้วยความรุนแรงแล้วลงเอยด้วยอภิสิทธิ์เป็นคนใจกว้างและใจเย็นซึ่งตรงข้ามกับความเป็นตัวตนของอภิสิทธิ์ เพียงแต่การจัดฉากนี้คล้ายลิเกราคาถูกที่เล่นฟรีตามตลาดสดและติดตามด้วยบทละครแปลกๆอาทิเช่น ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จจนถึงแผนลอบฆ่าคนสำคัญทางการเมืองของกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดงที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้  ดังนั้นบทละครลอบฆ่าลอบทำร้ายอภิสิทธิ์จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นได้ซึ่งแน่นอนว่าหากเกิดขึ้นจริงสังคมจะช็อค และในระยะต้นจะเชื่อว่าพวกเสื้อแดงต้องเป็นคนทำแน่นอน เพราะตลอดระยะเวลาสองปีเศษที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพได้สร้างบทละคร แดงคือผู้ก่อการร้ายมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อระยะเวลาใกล้วันที่ 3 กรกฎาคม วันเลือกตั้ง ยิ่งลักษณ์ต้องระมัดระวังการหดตัวของคะแนนจากบทละครลอบฆ่าของผู้นำประชาธิปัตย์ แล้วความปั่นป่วนในภาวะกระชั้นชิดของการเลือกตั้ง วิทยุกรมประชาสัมพันธ์ และโทรทัศน์ช่อง 11 ซึ่งแสดงบทบาทรับใช้พรรคประชาธิปัตย์อย่างน่าสงสัยในพฤติกรรมของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ก็จะโหมข่าวใส่ร้ายจนพรรคเพื่อไทยพลิกตัวไม่ทัน แล้วคะแนนสงสารก็จะเทมาที่พรรคประชาธิปัต

2 ความคิดเห็น:

  1. วิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะครับ

    ตอบลบ
  2. สมัครgoogleเพื่อติดตามDr.Sunai FanClubโดยเฉพาะเลยครับ^^

    ตอบลบ