Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การเมืองฉบับชาวบ้าน ตอน กฎหมาย

การเมืองฉบับชาวบ้าน    โดย ดอม  ด่านตระกูล

ตอน        กฎหมาย

               ที่ผ่านมาเรามักได้ยินคำว่า กฎหมายไม่เป็นธรรม หรือ กฎหมายสองมาตรฐานอยู่บ่อยๆ   คำว่ากฎหมายนั้นคืออะไรกันแน่ และใครเป็นผู้สร้าง กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆมาบังคับใช้ให้เราปฏิบัติตามโดยใช้คำเรียกว่า  กฎหมาย           





กฎหมาย หมายถึง  ระเบียบ ข้อบังคับของสังคม ซึ่งบุคคล หรือคณะบุคคล กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้ในการบริหารกิจการบ้านเมือง หรือบังคับความประพฤติของประชาชนในรัฐหรือในประเทศนั้นๆให้ปฏิบัติตาม  เพื่อความสงบสุขของสังคมและความมั่นคงของประเทศ  ผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมาย

ในประเทศที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการ ผู้ปกครองและคณะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการออกกฎหมาย แต่ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชน ในการประชุม พิจารณาออกกฎหมาย โดยกฎหมายที่พิจารณาให้บังคับใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายสูงสุดที่ใช้เป็นหลักหรือแนวทางในการบริหารประเทศ กำหนดรูปแบบของรัฐว่าเป็นรัฐเดี่ยวหรือรัฐรวม  จัดระเบียบความสัมพันธ์การใช้อำนาจของสถาบัน องค์กรต่างๆในประเทศ  และถือเป็นแม่บทของกฎหมาย ถ้ากฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญจะถือเป็นโมฆะบังคับใช้ไม่ได้

แล้วรัฐธรรมนูญ เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นผู้สร้าง?

            ต้องเล่าย้อนไปถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ที่คณะราษฎรได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแผ่นดิน ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2475 จึงได้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกขึ้นในประเทศ แต่ตอนนั้นเรียกว่า “ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม”  และเพื่อให้สมกับที่วันนั้น (24 มิถุนายน 2475) เป็นวันสำคัญยิ่งของประชาชนชาวไทย  ในเวลาต่อมารัฐบาลภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงได้ประกาศให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ และให้มีการเฉลิมฉลองแบบนานาอารยประเทศทั่วไป

               แต่ต่อมาในรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์  โดยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2503 ได้ประกาศให้ยกเลิกวันชาติเสีย  นับแต่นั้นมาได้มีความพยายามในอีกหลายๆรูปแบบที่จะลบเลือนเรื่องวันชาติ 24 มิถุนายน รวมทั้งคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ของคณะราษฏรออกไปจากความทรงจำของประชาชน 

รัฐธรรมนูญฉบับแรกหรือ “ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม” ได้มีการเลือกตั้งอนุกรรมการโดยมี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานอนุกรรมการยกร่างพิจารณาแก้ไข จนกลายร่างเป็นรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475  ซึ่งมีความแตกต่างจากธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ที่คณะราษฎรร่างไว้อยู่หลายประการ  ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ท่านปรีดี  พนมยงค์ได้ริเริ่มจัดตั้งขบวนการเสรีไทยในการต่อสู้กู้เอกราชของชาติให้คงอยู่ ทำให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในฐานะผู้แพ้สงคราม ทั้งนี้ก็โดยความร่วมมือสามัคคีของประชาชนทุกหมู่เหล่า  ท่านปรีดีฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะนั้น จึงได้ปรารภกับนายควง  อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีมีความตอนหนึ่งว่า... เหตุการณ์บ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก ถึงเวลาแล้วที่ควรจะให้ยกเลิกบทเฉพาะกาลอันมีอยู่ในรัฐธรรมนูญนั้น และปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ขึ้นของระบอบประชาธิปไตย  นายควงฯจึงนำความนั้นมาปรึกษาหารือกันในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  และได้ดำเนินการกันต่อๆมาจนเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ 9 พฤษภาคม 2489

ซึ่งเรียกได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่วางรากฐานประชาธิปไตยสมบูรณ์  เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ระบุให้สมาชิกสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และห้ามข้าราชการประจำเข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง ทำให้อิทธิพลของกองทัพลดลง  อีกทั้งได้ยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์  จึงปรากฎว่าในยุคสมัยนั้นมีหนังสือพิมพ์และเอกสารที่ตีพิมพ์เผยแพร่เกี่ยวกับลัทธิการเมืองต่างๆออกมาอย่างเสรี  ซึ่งเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

น่าเสียดายที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอายุถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 เท่านั้น ก็ได้ถูกฉีกทิ้งทำลายลงโดยคณะรัฐประหารที่มีพล.ท. ผิน ชุณหวัณ เป็นหัวหน้า ซึ่งนับว่าเป็นการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญไทยครั้งแรกโดยการโค่นล้มอำนาจของคณะรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยกำลังอาวุธ  และต่อมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 ได้มีการประกาศบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีฉายาว่า รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม เพราะหลวงกาจสงครามผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้อธิบายว่าร่างไว้ก่อนหน้าที่จะทำการรัฐประหาร และเมื่อร่างเสร็จแล้วได้นำไปซ่อนไว้ใต้ตุ่มสามโคก

นับแต่นั้นมาระบอบประชาธิปไตยไทยมีแต่ถอยหลัง และอำนาจการปกครองก็ตกอยู่กับคณะต่างๆซึ่งเป็นเผด็จการบ้าง เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบบ้าง  มีการรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับแล้วฉบับเล่า จนหลังจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535  พฤติกรรมเสียสัตย์เพื่อชาติ ของพล.อ.สุจินดา  คราประยูร ความรุนแรงของการสลายการชุมนุมและการจับกุมประชาชนที่ไม่มีความผิด  ทำให้ขบวนการภาคประชาชนลุกฮือขึ้นมาร่วมกันผลักดันจนมีการตั้งคณะปฏิรูปการเมือง มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งตัวแทนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ จนออกมาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเดือนตุลาคม 2540 ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน   หลังจากนั้นการเมืองไทยได้พัฒนาในระบบรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อกันว่านับแต่นี้ไปคงไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก ถึงแม้จะมีวิกฤติเกิดขึ้นมากมาย แต่ปัญหาทุกอย่างของชาติย่อมแก้ไขได้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย  ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

ใครจะคาดคิดว่าระบอบประชาธิปไตยไทยต้องถอยหลังเข้าคลองอีกครั้งเพราะการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และรัฐธรรมนูญศักดิ์สิทธิ์อันเป็นแม่บทของกฎหมายก็ถูกฉีกทิ้งลงอย่างง่ายดายเหมือนเช่นการรัฐประหารทุกๆครั้งที่ผ่านมาในอดีต 

               รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อใช้เป็นหลักหรือแนวทางในการบริหารประเทศ  ชนชั้นใดขึ้นมามีอำนาจสามารถร่างรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้  ชนชั้นนั้นย่อมเขียนรัฐธรรมนูญที่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชนชั้นตน   เราจะหวังให้ชนชั้นผู้กดขี่เขียนรัฐธรรมนูญที่ให้ประโยชน์แก่ผู้ถูกกดขี่คงเป็นไปได้ยาก

ดังนั้นหากประชาชน ชนชั้นกรรมาชีพอันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการจะได้มาซึ่งกฎหมายเป็นธรรม ที่มีมาตรฐานเดียว  ไม่มีหนทางอื่นนอกจากต้องร่วมแรงร่วมใจกันช่วงชิงอำนาจทางการเมืองมาให้ได้เสียก่อน  เพราะอำนาจทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญประการแรกอันเป็นหนทางนำไปสู่โอกาสในการร่างรัฐธรรมนูญ  หลังจากนั้นร่วมกันสนับสนุนผลักดันให้เกิดร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประชาชนให้เป็นธรรม   โดยประชาชน  เพื่อประชาชนให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น