จาก RED POWER ฉบับที่ 22 ปักษ์แรก ธันวาคม 2554
ในขณะที่เสียงออดของสภากดส่งสัญญาณเรียกร้องการปรองดองด้วยการผ่านญัตติการปรองดอง แต่เสียงกลองศึกจากศาลก็ยังตีดังตุ่ม ตุ่ม มาก่อนหน้ายาวนานแล้วจากคดีดาตอร์ปิโดและคดีคนเสื้อแดง และยิ่งตีกลองเสียงดังกระชั้นสวนเสียงออดของสภาจากการไม่ให้ประกันตัวนักโทษการเมืองเสื้อแดงและล่าสุดจากการตัดสินลงโทษ “คดีอากง” นายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 61 ปี ตามมาตรา 112 เป็นเวลา 20 ปี
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักโทษการเมือง มาตรา 112 ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์ Voice of TAKSIN และ Red Power ยื่นขอประกันตัวระหว่างการพิจารณาซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎบัตรสหประชาชาติมา 5 ครั้งแล้วก็ได้รับการปฏิเสธจากศาลมาตลอดทุกครั้งด้วยคำสั่งสั้นๆว่า “ไม่อนุญาต” แม้สมยศจะร้องขอให้ศาลเปิดการไต่สวนว่าเขาไม่ได้หลบหนีและมีเหตุอันควรอนุญาตให้ประกันตัวได้แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต
ล่าสุดศาลจะต้องส่งตัวสมยศไปฟังการสืบพยานโจทก์ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ และศาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งใครๆก็รู้ว่าการนั่งรถทัวร์เรือนจำและพักโรงแรมคุกในแต่ละจังหวัดตะลอนๆไปนั้นมันทรมานอย่างยิ่ง เพราะรถทัวร์คุกไม่มีแอร์ประกอบกับผู้โดยสารต้องถูกตีตรวนและที่พักต้องยัดทะนานนอน มันแสนจะทรมาน สมยศจึงขอสละสิทธิ์ที่จะเดินทางไปฟังการเบิกความและยินยอมให้ศาลสืบพยานลับหลังจำเลย โดยทนายความจำเลยยื่นขอต่อศาลและอัยการก็ไม่คัดค้านแต่ศาลไม่ยินยอม
ทนายความเล่าว่าถ้าเช่นนั้นขอให้ศาลมีหมายเรียกพยานมาเบิกความที่กรุงเทพโดยทนายจำเลยยอมจ่ายค่าพาหนะให้ แต่ศาลก็ไม่ยินยอม
การปรองดองเป็นเรื่องที่โครงสร้างอำนาจรัฐทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันก่อนที่ประชาชนจะหันหน้าเข้าหากัน
การปรองดองเป็นเรื่องที่ต้องยึดหลักนิติรัฐอย่างเดียวกัน มิใช่วินิจฉัยจากความโกรธแค้นของสีเสื้อ
ที่สำคัญที่สุดคือ
“การปรองดองจะต้องเริ่มจากโครงสร้างอำนาจรัฐต้องส่งสัญญาณเมตตาธรรมต่อประชาชนทุกฝ่ายที่เป็นเหยื่อของวิกฤติการเมือง อันเป็นผลจากการใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นไปตามกลไกแห่งระบอบอำนาจของประชาชน”
เสียงกลองศึกจากกองทัพยังเริ่มเบาลง แต่เสียงกลองศึกจากศาลยังไม่มีวี่แววว่าจะลดความดังลงเลย
แล้วประชาชนจะรับรู้สัญญาณการปรองดองได้อย่างไร
สภาจะกดออดส่งสัญญาณเรียกอย่างไรก็เชื่อว่าประชาชนจะไม่เข้าห้องประชุมสภาเพื่อรับรองญัตติการปรองดองอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น