Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ไทม์ไลน์ ซ้ายมหากาฬ คิม จอง อิล จากวันรุ่งถึงวันดับ และว่าที่ผู้นำเกาหลีรุ่น 3


ทีมข่าว Sunai Fan Club  ขอเผยแพร่ต่อจากมติชน ในข่าวสำคัญของโลกวันนี้ คือการเสียชีวิตของ คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จัก คิม จอง อิล มองผ่านเรื่องเกาหลีเหนือแล้วหันมามองสิ่งรอบข้างเราว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหน



ทีมา มติชน
19 ธันวาคม 2554

หลังจากที่เฟซบุ๊คเปิดเวอร์ชั่นไทม์ ไลน์(Timeline) ให้สมาชิกลองใช้บริการแล้ว หลายคนคงจะงุนงงไปกับหน้าตาและความ "เยอะ" ของฟังก์ชั่นการใช้งาน



แต่หากปรับตัวลองใช้งานเฟซบุ๊คเวอร์ชั่นนี้สักนิด สิ่งที่น่าสนใจหนึ่งก็คือ การใช้ไทม์ไลน์สามารถที่จะทำให้ผู้ใช้ดึงข้อมูลเก่าๆออกมาดูว่า ในอดีต ตนเองเคยเขียนอะไรลงบนใบลานยุคดิจิตอลที่มีผู้ใช้ร่วมกันทั่วโลกในวันนี้ถึง 800 ล้านชื่อ



แม้ว่าประเทศ "ปิด" อย่าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ จะไม่นิยมชมชอบสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กประเภทนี้ ด้วยเห็นที่ว่า สื่อชนิดนี้ไม่สามารถควบคุมความเห็นต่างของประชาชนในชาติได้



แต่ในเช้าวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2011 หลังจากที่ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์โคเรียน เซ็นทรัล นิวส์ เอเยนซี (เคซีเอ็นเอ) แห่งชาติในกรุงเปียงยาง ได้สวมชุดดำพร้อมกับออกมาประกาศข่าวทั้งน้ำตาว่า คิม จอง อิล เสียชีวิตเวลา 08.30 น. เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการทำงานหนักเกินไปของจิตใจและร่างกาย โดยผลการชันสูตรศพวันที่ 18 ธันวาคม วันต่อมา ระบุว่า เขาเสียอันเนื่องมาจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน พร้อมกับอาการหัวใจวาย ซึ่งอันที่จริงเขาป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนอยู่ก่อนแล้ว




คิม จอง อิล และ คิม จอง อึน บุตรชาย



ข่าวจากสื่อหลักสื่อรองก็ต่างแพร่สะพัดผ่านเจ้าของเฟซบุ๊คจำนวน มากมายออกมาว่า ชายที่พยายามสถาปนาตัวเองในชื่อ "ผู้นำอันเป็นที่รัก" ถึงแก่อสัญกรรมไปด้วยวัย 69 ปี....



การเสียชีวิตของเขา เป็นที่พูดถึงในระดับโลกแน่นอน เพราะตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีของการขึ้นเป็นผู้นำรุ่นที่ 2 แห่งเกาหลีเหนือ การเคลื่อนไหวนำนาวารัฐของคิม จอง อิล ส่งคลื่นซัดชายฝั่งการเมืองโลกอยู่บ่อยครั้ง



โดยหากมองแบบไทม์ไลน์ในชีวิตของคิม จอง อิล ผู้นี้ เหตุการณ์สำคัญที่ควรจะนำมาพูดถึงมีดังต่อไปนี้



16 ก.พ. ค.ศ. 1941 (บันทึกโซเวียต) หรือ 16 ก.พ. ค.ศ. 1942 (บันทึกเกาหลีเหนือ)...เด็ก ชายคิม จอง อิล ถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวนักปฏิวัติ บิดาชื่อ คิม อิลซุง มารดาชื่อ คิม จอง ซุก ซึ่งสถานที่เกิดยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า แท้จริงแล้ว ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือผู้นี้ถือกำเนิดที่ใดกันแน่ ระหว่างค่ายทหารโซเวียตในไซบีเรีย และฐานที่มั่นลึกลับบริเวณรอยต่อระหว่างชายแดนประเทศจีน ในยอดเขาเบกดู ยอดเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีเหนือ



ค.ศ.1997...หลังจากที่ เข้าเรียนหนังสือและทำงานการเมืองในระบบมาระยะหนึ่ง ในปี 1994 คิม อิล ซุง บิดาของเขาผู้เป็นผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อ ค.ศ. 1949 ได้สิ้นชีวิตลง 3 ปีต่อมา คิม จอง อิล ผู้เป็นบุตรชาย จึงได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศแทนคิม อิล ซุง อย่างเป็นทางการ โดยสถานภาพ ทางเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือในช่วงนั้น ตกต่ำเป็นอย่างมาก จนต้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศมาตลอดนับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา ในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้คนอดอยากหิวโหยสูงถึง 2 แสนกว่าคน และมีตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตจากความหิวโหยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน แต่ผู้นำคนใหม่ก็ยังยืนยันหลักคิดของตัวเองว่า "กองทัพต้องมาก่อน"






ค.ศ.2003...การบำรุงกองทัพอย่างไม่หยุดยั้งของคิม จอง อิล ทำให้ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ต้องออกมากล่าวสุนทรพจน์โจมตีเกาหลีเหนือ ว่าเป็น "แกนแห่งความชั่วร้าย"(Axis of Evil ในวันที่ 29 ม.ค. 2002) ร่วมกับอิรัก และอิหร่าน เนื่องจากว่าเกาหลีเหนือมีการลักลอบดำเนินโครงการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์, ประกาศไม่ยอมหยุดโครงการพัฒนานิวเคลียร์ด้วยการขับไล่เจ้าหน้าที่สำนักงาน พลังงานปรมารณูระหว่างประเทศ(International Atomic Energy Agency : IAEA) ออกไป ทั้งยั้งถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์(Nuclear Non-Proliferation Treaty) และในปีเดียวกันนั่นเอง อเมริกายังตรวจพบว่า เกาหลีเหนือขายยูเรเนียมชนิดที่สามารถเอาไปทำนิวเคลียร์บอมบ์ให้แก่ลิเบีย



ค.ศ. 2006...เกาหลีเหนือได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงกับสังคมโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา, ประเทศไม้เบื่อไม้เมา ด้วยการทดสอบ ยิงขีปนาวุธห่างจากชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นประมาณ 300 ไมล์ ในวันที่ 4 กรกฎาคม อันเป็นวันชาติของสหรัฐอเมริกา และก็หาจังหวะทดสอบขีปนาวุธเรื่อยมา แม้ว่าจะประกาศยุติโครงการนิวเคลียร์ก็ตาม ซึ่งการลงทุนทางด้านอาวุธจนเกาหลีเหนือกลายเป็นประเทศที่มีขนาดกองทัพใหญ่ เป็นอันดับ 5 ของโลก ช่างขัดกับภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเกาหลีเหนือที่คนในชาติ 5-6 ล้านคนต้องการอาหารอย่างเร่งด่วน



ค.ศ.2008...อาการป่วยของคิม จอง อิล เริ่มเป็นที่รับรู้ของนานาประเทศ จนกระทั่งวันที่ 9 กันยายน ซึ่งเป็นวันฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ทางการเกาหลีเหนือได้จัดพิธีครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในเรื่องของจำนวนทหารและอาวุธที่นำมาจัดแสดง มีทั้งเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 240 มม. และปืนต่อสู้อากาศยาน 105 มม. จากฐานทัพอากาศเข้ามาร่วมแสดงด้วย แต่สิ่ง ที่แปลกไปก็คือ การไร้เงาของคิม จอง อิล ทั้งที่เขามาร่วมงานนี้ทุกปี จนเกิดข่าวลือต่างๆนานาว่า คิม จอง อิล ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน, โรคลมปัจจุบัน(Stroke) หรืออาการเลือดออกในสมอง จนน่าสงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่



อย่างไรก็ตาม คิม จอง อิล ออกมาสยบข่าวลือในวันที่ 4 ตุลาคม ในปีเดียวกันด้วยการปรากฏตัวต่อสาธารณชนในครั้งแรกในรอบ 2 เดือนในงานแข่งขันฟุตบอลในมหาวิทยาลัยคิม อิล ซุง ที่ที่เขาเคยร่ำเรียนมา



ค.ศ.2009...สื่อของเกาหลีใต้ได้อ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้และจีน มาว่า คิม จอง อิล ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน






ค.ศ.2010...มีสัญญาณที่น่าสนใจบางอย่างออกมาจากกรุงเปียงยาง นั่นคือ เหตุการณ์ในเดือนกันยายนที่ทางเกาหลีเหนือวางตำแหน่งให้บุตรชายคนเล็ก คิม จอง อึน ขึ้นสืบทอดอำนาจต่อจากเขา โดยที่นักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่า ชายหนุ่มวัย 28 ปี ผู้จบการศึกษาจากสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะต้องขึ้นครองประเทศนี้โดยจาง ซอง แท็ก น้องเขยของของคิม จอง อิล ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของพรรครัฐบาลช่วยกันประคับประคอง เนื่องด้วยแกนนำแกนนำของรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่้เป็นผู้สูงวัยจะไม่ยอมรับความคิดลูกชายของเขา



และในที่สุด ปี 2011 คิม จอง อิล ได้ถึงแก่อสัญกรรม โทรทัศน์ในเกาหลีเหนือฉายภาพ "ท่านผู้นำอันเป็นที่รัก" ในมุมมองของรัฐบาลเกาหลีเหนือซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยคิม จอง อึน บุตรชาย จะเป็นผู้นำในการจัดพิธีศพของบิดาในครั้งนี้



น่าสนใจว่า หลังจากสิ้นคำประกาศของ ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์โคเรียน เซ็นทรัล นิวส์ เอเยนซี (เคซีเอ็นเอ) ที่กล่าวว่า ขอ ให้สมาชิกพรรคแรงงานทุกคน ทหารหาญ และประชาชนร่วมดำเนินรอยตามผู้นำผู้ล่วงลับด้วยความศรัทธา และเดินหน้าเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่พรรค กองทัพ และประชาชน



เกาหลีเหนือหลังจากที่ไร้เงาของคิม จอง อิล จะเป็นเช่นไร? เหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยในอาหรับ หรือ อาหรับ สปริง(Arab Spring) จะเกิดในดินแดนที่แร้นแค้นแห่งนี้หรือไม่? หรือ ระบอบเผด็จการซ้ายมหากาฬในโสมแดงจะคงอยู่ต่อไป?



โปรดติดตามความเป็นไปแบบไทม์ไลน์ของปีหน้าและปีต่อไปของเกาหลีเหนืออย่างไม่วางตา...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น