Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นายทุนแปรพักตร์ ตัดน้ำเลี้ยงม็อบต้านรัฐบาล ?

รายงานพิเศษ/ข่าวสดรายวัน 11 มิ.ย.2556



แม้เป็นแค่เรื่องเดิมๆ หลายคนเคยได้ยินได้ฟัง และพอคาดเดากันได้อยู่แล้ว

แต่การปล่อยตัวละครออกมาเป็นระลอกของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ถือว่าเข้าเป้า เรียกความสนใจจากผู้ชมทางบ้านได้ไม่น้อย

เริ่มจากกลุ่มนักธุรกิจ 3 ประเภท ประกอบด้วย นายธนาคาร พ่อค้าหมูเห็ดเป็ดไก่ และคนขายของมึนเมา ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับม็อบขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

พร้อมถือโอกาสดักคอ พูดกึ่งปรามกึ่งขู่ว่า ถ้า 3 กลุ่มนี้ยังไม่เลิกลงขัน จะเดินหน้าประจานไม่ยั้ง

ปรากฏว่ากลยุทธ์ตีปลาหน้าไซครั้งนี้สร้างแรง สั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะสมาคมพ่อค้าสัตว์พากันแตกตื่นตกใจกับข่าว รีบออกมาปฏิเสธกันวุ่นวาย ไม่ว่าสมาคมหมู สมาคมไก่ สมาคม กุ้ง ฯลฯ

ทั้งที่ใครๆ ก็รู้อยู่แล้ว ว่า ระดับรายย่อยเหล่านี้ไม่ใช่ ไม่เกี่ยว แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

ในจังหวะที่กองเชียร์กำลังเมามันกับปริศนาคำใบ้ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ยอมทิ้งโอกาส งามๆ ปล่อยซีรีส์ขบวนการล้มรัฐบาลชุดต่อไปให้มิตรรักแฟนเพลงถอดรหัสกันอย่างสนุกสนานต่อเนื่อง

หนนี้ตื่นเต้นเร้าใจกว่าเดิม ผูกเรื่องเพิ่มลีลาคำใบ้ให้ชวนติดตามขึ้น

ตั้งแต่อดีตนักธุรกิจสื่อสารที่ได้เมียสวย เป็นนายทุนส่งเงินให้คนชื่อ ส. ดำๆ เตี้ยๆ อยู่สถานีข่าว จากนั้นคนชื่อ ส. จะไปประสานกับคนมือสั่นเพื่อวางแผนเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล โดยไปสมรู้ร่วมคิดกันแถวสุขุมวิท

แม้ร.ต.อ.เฉลิมจะยอมรับว่าปูดเรื่องเก่าสมัยรัฐประหารปี 2549 มาขาย แต่หนนี้ทำเอาหลายคนไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้อีก

โดยบรรดาบุคคลที่เข้าลักษณะตามคำใบ้ ต่างเปิดหน้าปฏิเสธและตอบโต้

เริ่มจากเจ้าสัวเมียสวยอย่าง นายบุญชัย เบญจรงคกุล อดีตผู้บริหารกลุ่มยูคอม สามีของนางเอกดัง "ตั๊ก"บงกช คงมาลัย ก็เปิดปากแจงขำๆ

ระบุแม้อ่านปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นตน แต่ไม่ซีเรียสกับเรื่องที่แฉ เพราะชอบที่ชมว่าเมียสวย

พร้อมยอมรับว่า ส. ที่ว่านี้เป็นอดีตเพื่อนร่วมงาน เคยทำสถานีข่าวมาด้วยกัน แต่ตอนนี้แยกกันแล้วเพราะไปเปิดสำนักข่าวของเขาเอง

ไม่ลืมปฏิเสธข้อหาท่อน้ำเลี้ยงม็อบ โดยยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง งานเพื่อประชาชนที่ทำอยู่ก็เป็นในรูปของมูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด ซึ่งไม่ได้อิงการเมือง

อีกทั้งทุกวันนี้นอกจากดูแลพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA) ยังมีภารกิจใหม่งอกเงยมาอีก คือ ดูแลสนับสนุนกิจการภาพยนตร์ของภรรยา

ไม่มีเวลาไปร่วมขบวนการล้มรัฐบาลแน่นอน

ก่อนปิดท้ายการแถลงว่า ในเมื่อไม่ได้ทำก็ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ และเรื่องนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ถือเป็นสีสันข่าว ร.ต.อ.เฉลิมพูดในลักษณะตีวัวกระทบคราดมากกว่า

จบข่าว



ไล่เลี่ยกัน นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม บ.ก. อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ก็ออกมาใช้สิทธิ์คนชื่อย่อ ส. และทำสถานีข่าว

ซัดกลับร.ต.อ.เฉลิมก่อนเลยว่า การปูดข่าวเช่นนี้ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะมีแต่คนโทร.มาขอแบ่ง เงินใช้

ก่อนเฉ่งรายงานของสันติบาลที่หาว่ารับเงินล้มรัฐบาลว่า เป็นข้อมูลที่มั่วมาก คนพูดก็เลยมั่วตาม ระวังรัฐบาลจะอยู่ยาก ไปเร็วกว่าที่คิด

พร้อมแจงสายสัมพันธ์กับเจ้าสัวเมียสวยว่า สนิทสนมกัน เคยทำสถานีข่าวมาด้วยกัน แต่แยกกันทำงานเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยมาตั้งสำนักข่าวทีนิวส์เพื่อไม่ให้ นายบุญชัยเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม แม้นายสนธิญาณจะยอมรับว่าเป็น คนทำข่าวที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าอยู่ตรงข้ามรัฐบาล นั่งนับวันรอให้รัฐบาลนี้ล้ม แต่ไม่ยอมรับคำกล่าวหาเรื่องเตี้ยๆ ดำๆ

"ผมมันสูงโปร่ง สง่า จึงไม่น่าจะใช่ผม"

เคลียร์ตัวเองไปอีกคน

เช่นเดียวกับตัวละคร "คนมือสั่น" ไปถาม น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แกนนำกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ก็บอกว่า ไม่อยากตอบโต้เพราะร.ต.อ.เฉลิมยังไม่ได้เอ่ยชื่อ

ไว้รอให้ระบุชื่อตนเองชัดๆ ก่อน จะชี้แจงเป็นฉากๆ

ก่อนยอกย้อนกลับว่า ตัวเองมือไม่สั่น แต่เท้าสั่นมากกว่า



ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้ไม่ได้มีชื่ออยู่ในลิสต์อักษรย่อ แต่ก็อดไม่ได้ที่เข้ามาร่วมแจม

ปูดมั่งว่าคนชื่อ ฉ. ก็กำลังเสนอกฎหมายทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย

กลุ่มคนหน้าเก่าๆ พากันงานเข้า ประสานเสียงคีย์เดียวกันโดยมิได้นัดหมาย

กล่าวสำหรับกลุ่มนักธุรกิจที่เคยลงขันล้มรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ มาวันนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเสียงตอบรับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ดีวันดีคืน ทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่คู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในสภาพเสียศูนย์ คนระดับคีย์แมนเช่นนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ต้องเสียเวลาไปกับการเดินสายขึ้นโรงขึ้นศาลจากคดี 99 ศพ

ไม่มีเวลาคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ ไปสู้กับพรรค เพื่อไทย กระทั่งคนในพรรคต้องออกมาเรียกร้อง ชูธงให้ปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์

จะได้ไม่เป็นผู้ตาม หยุดสถิติแพ้เลือกตั้งซ้ำซากมาตลอด 21 ปี

ประกอบกับม็อบพันธมิตรเองก็อยู่ในสภาพอ่อนล้าเต็มทน บรรดาแกนนำมีปัญหา จูนกันไม่ติด จึงแปรสภาพแตกย่อยเป็นม็อบหลากสี กลุ่มกรีน ม็อบแช่แข็ง ไทยสปริง กลุ่มหน้ากากขาว รวมถึงม็อบสนามหลวงขณะนี้

แต่เนื่องจากการเคลื่อนไหวแทบทุกครั้งไร้พลังต่อสู้ กระแสจุดไม่ติด สภาพเช่นนี้ทำ ให้กลุ่มทุนใหญ่ที่เคยสนับสนุนพากันถอดใจและเริ่มแปรพักตร์

โดยมีกระแสข่าวว่านักธุรกิจใหญ่หลายๆ คน หลายๆ กลุ่มทยอยเดินทางไปพบคนแดนไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะพ่อค้าหมูเห็ดเป็ดไก่ และคนขายของมึนเมา

ล่าสุดเคลียร์กันลงตัว จูบปากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่กลุ่มนายแบงก์เอง แม้จะยังมีประชุมลับและระดมเครือข่ายต่อต้านโครงการรัฐบาล แต่พอข่าวคราวรู้ถึงหูคนแดนไกล ก็รีบโทรศัพท์สายตรงมาถึงตัว หัวขบวน

นายใหญ่จัดการเสียอยู่หมัดคุมสถานการณ์ ไว้ได้



เมื่อท่อน้ำโดนตัด ขบวนการล้มรัฐบาลขาดน้ำเลี้ยงคอยชโลม พลังการเคลื่อนไหวจึงอ่อนลงอย่างเห็น ได้ชัด ไม่สามารถระดมคนได้คราวละมากๆ เหมือนเมื่อก่อน
อีกทั้งข้อกังวลเรื่องการปฏิวัติน่าจะเบาใจได้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อมผู้นำเหล่าทัพออกมายืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้

รัฐบาลจึงมีสมาธิเดินหน้าทำงานได้อย่างเต็มที่


แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะรัฐบาลเองมีข้อครหาติดตัวมากมาย และที่สำคัญหลายปมปัญหาก็ยังไม่ได้รับการสะสาง เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่กำลังถูกโจมตีและขยายผลเป็นประเด็นการเมือง

ปมทุจริตคอร์รัปชั่นนี่แหละ คือปัจจัยสำคัญที่สุดในเวลานี

ที่จะล้มรัฐบาลลงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น