Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ออกแขกกันจนเซ็งหรือถึงคราวเจ้าของบ้านต้องออกโรง?


จากเฟสบุ๊ค จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair




ออกแขกหรือถึงคราวเจ้าของบ้าน?

มาถึงเวลานี้ ม็อบของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ไม่ต่างอะไรจากละครชุดทางทีวี ในตอนจบแต่ละตอนต้องใส่ฉากหรือใส่ช็อตสั้นๆ เอาไว้ยั่วน้ำลายคนดู เพื่อให้คอยตามดูตอนต่อไป เพราะหวังว่าตอนต่อไปอาจเป็นฉากสำคัญที่สุดของเรื่อง แต่ฉากสำคัญที่ว่าก็ยังมาไม่ถึงสักที ได้แต่หลอกกินค่าโฆษณาไปวันๆ อยู่อย่างนั้น เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็มิใช่บังเอิญ แต่เป็นข้อเท็จจริงของม็อบนั้นเอง ม็อบของนายสุเทพฯ ซึ่งทำทีว่าเป็นขบวนทัพยิ่งใหญ่ในตัวเอง ความจริงเป็นเพียงฉากเดียวของละครเรื่องใหญ่ที่มีผู้วางแผนอยู่มากมายเบื้องหลัง นายสุเทพฯ จึงมิได้เป็นผู้นำขบวนอะไรใดๆ เลย หากเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเล็กๆ ที่ ต้องคอยคำสั่งอยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง แต่เราคนดูก็ต้องมองไปยังเวทีที่มีการออกแขกอยู่เป็นธรรมดา จะให้คอยมองหลืบเวทีหรือหลังรั้วไม้ที่เขาตั้งปิดหลังฉากไว้ ก็คงมองอะไรไม่เห็น เอาเป็นว่า ดูหน้านายสุเทพฯ ไปพลางก่อนก็ได้ เพียงอย่าลืมใบหน้าอีกมากมายที่คอยจัดแจงแต่งหน้า หาเครื่องแต่งกาย จัดอาหารเครื่องดื่ม กำกับการแสดง และอำนวยการสร้างอยู่ที่หลังเวทีการแสดงด้วยก็แล้วกัน

ถ้าอย่างนั้นเราน่าจะเห็นการแสดงอะไรบ้างในวันที่ ๒๒ ธันวาคมที่จะถึงนี้

๑. ในวันสุกดิบก่อนการชุมนุม คือวันที่ ๒๑ ธันวาคม พรรคประชาธิปัตย์จะประชุมตัดสินใจว่าจะร่วมลงเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ หรือไม่ ข่าวล่าสุดคือพรรคของนายสุเทพฯ จะลงมติไม่ร่วมเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่จะเรียกร้องให้ใช้มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญฯ คือขอรับพระราชทานนายกรัฐมนตรีจากพระมหากษัตริย์อย่างที่เคยกระทำเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ชัด สิ่งที่แน่ชัดคือเจตนาของพรรคฯ นั้นคือช่วยเรียกแขกมาสู่การชุมนุมของนายสุเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น เรารู้กันดีว่าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุเทพฯ ไม่เคยเล่นคนละแผน แต่เป็นคนละบท คนละฉาก หรือคนละตอนของแผนเดียวกันเสมอ คราวนี้จึงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนั้น แนวคิดปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ที่คิดและพูดออกมาดังๆ อย่างนายอลงกรณ์ พลบุตรและนายกรณ์ จาติกวนิช จึงไม่ใช่ความต้องการของเจ้าของพรรคตัวจริง และครั้งนี้ก็แสดงอย่างชัดเจนที่สุดแล้วว่าไม่ต้องการปฏิรูป ซึ่งสำหรับผมแล้ว ถือเป็นการเสียโอกาสครั้งสำคัญในการป้องกันมิให้คนไทยทั้งประเทศลุกขึ้นมาประหัตประหารกันเอง หากประชาธิปัตย์ปฏิรูปเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมเต็มรูป การประลองกำลังระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมก็จะไปอยู่ในสนามเลือกตั้ง ไม่ใช่แถวหน้ารามฯ หลังรามฯ ซอยมหาดไทย หรือตามถนนหนทางใดๆ การเลือกตั้งคือการตัดสินใจในระดับรัฐ และเป็นครรลองสากลของการรอมชอมและแสวงทางออกทางการเมืองของสังคมอารยะ ต้องตราไว้ตรงนี้ให้ชัดว่า ประชาธิปัตย์นั่นเองที่เป็นฝ่ายต้องการความรุนแรงและการเสียเลือดเนื้อของประชาชน ขนาดมีทางเลี่ยงให้เลือกแล้วก็ยังไม่ปรารถนา เราก็ต้องช่วยกันจำจารึกไว้

๒. สัญญาณเดียวที่นายสุเทพฯ ได้รับในห้วงเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมานี้คือ “อย่าทำให้ท่านเสียชื่อ” ซึ่งแปลความว่ากระไรผมก็ไม่แน่ใจนัก เท่าที่รู้มาเลาๆ การประกาศของนายสุเทพฯ เกี่ยวกับระบอบสมบูรณ์ฯ ทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นมาก จนถึงขั้นมีผู้เสนอ (ภายในฝ่ายเขาด้วยกันเอง) ให้ระงับปัญหานี้ด้วยความเด็ดขาด จนนายสุเทพฯ ต้องหายตัวไปเฉยๆ หลายวัน ความเดือดร้อนนั้นมิใช่เพราะไม่เห็นด้วย แต่เดือดร้อนเพราะนายสุเทพฯ ทำงานโฉ่งฉ่างและฉายไฟเข้าใส่ตัวเองจนเห็นทะลุไปถึงตับไตไส้พุงว่าม็อบนี้ของใคร โดยใคร และเพื่อใคร แต่โชคดีของนายสุเทพฯ คือเขายังหาคนมาเปลี่ยนใหม่ไม่ได้ ซึ่งอาจถือเป็นความฉลาดอย่างหนึ่งของนายสุเทพฯ ผู้ทำให้ม็อบครั้งนี้มีความผิดเพี้ยน แปลกประหลาด และสวนกระแสสังคมโลกอย่างครบวงจร จนไม่มีคนสติดีที่ไหนกล้ารับช่วงต่อ นายสุเทพฯ จึงยังนั่งหัวโต๊ะไปพลางก่อน แต่ก็ได้รับคำเตือนอย่างเฉียบขาดดังกล่าว เราจึงเห็นภาพล่วงหน้าว่า หากรัฐบาลไม่สร้างเงื่อนไขช่วยม็อบ พลังของม็อบก็จะยกสูงขึ้นมาแค่วันนั้นวันเดียว ด้วยปัจจัยสำคัญคือ การขนคนและความที่เป็นวันหยุดราชการ ถ้าม็อบไม่เล่นแร่แปรธาตุโดยการใช้ความรุนแรงอย่างกุ๊ยข้างถนน ก็จะไม่สามารถโยกคลอนรัฐบาล ได้มากไปกว่าที่ได้ทำมาแล้ว และถ้าเล่นมากไป จน “ท่าน” เดือดร้อน คนที่สั่งเคลื่อนม็อบเองอาจจะสิ้นชื่อเอาได้ง่ายๆ นายสุเทพฯ ทุกวันนี้จึงอยู่ได้เพราะเลือดบ้าในตัวเองเท่านั้น ในขณะที่หลักเหตุผลและสภาพแวดล้อมต่างๆ เริ่มเดินสวนทางกับเขาแล้วทั้งสิ้น.

********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น