Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พล.อ.ประยุทธ์ จะส่งยิ่งลักษณ์ ชิงรางวัลโนเบล?


จาก นิตยสาร Red Power ปักแรก พฤศจิกายน 2554 ฉบับที่ 21
โดย นายทหารเอก  กรุงธน


ไม่ใช่ใครๆก็จะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพโดยง่าย หากไม่มีสภาพแวดล้อมอันเป็นภาวะวิสัยที่จะผลักดันให้เกิดบทบาทเพื่อสันติภาพ

สตรีบางคนที่ฝันแล้วฝันอีกอยากจะได้รางวัลโนเบล แต่งตัวสวยก็แล้ว สร้างงานให้แก่คนยากคนจนก็แล้ว โนเบลก็ยังไม่เหล่ตามอง จนต้องหารางวัลอื่นๆมาปลอบใจเธอด้วยการประสานงานของระบบราชการไทย

ความภาคภูมิใจของผู้รับรางวัลโนเบลสตรีปีนี้ถึง 3 คน ในสาขาสันติภาพสรุปได้จากสัจธรรมทางประวัติศาสตร์คือ สถานการณ์สร้างวีระสตรี 
นางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ วัย 72 ปี ประธานาธิบดีหญิงแห่งไลบีเลีย เป็นผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในปี 2548 ในสถานการณ์ที่ประเทศไลบีเลียต้องบอบซ้ำจากสงครามกลางเมืองที่ยาวนานถึง 14 ปี มีผู้เสียชีวิต 2 แสนกว่าศพ ระบบเศรษฐกิจพังยับเยิน เธอได้ใช้ฐานะแห่งสตรีและโอกาสที่มหาชนทุกข์ยาก เข้าประสานรอยร้าวเพื่อให้เกิดสันติภาพ

นางเลย์มาห์ จีโบวี สตรีนักเคลื่อนไหวแห่งไลบีเลียผู้ยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทหารแห่งไลบีเลียโดยความโหดร้ายของเผด็จการทหารได้กลายเป็นผู้สนับสนุนให้เธอเป็นผู้รับรางวัลโนเบลโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอได้กลายเป็นแกนนำต่อต้านสงครามโดยเป็นผู้รวบรวมพลังสตรีจากทุกเชื้อชาติ  ทุกศาสนา ในไลบีเลียเพื่อให้เป็นพลังแห่งการยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานจนเกิดการเลือกตั้ง  จนทำให้นางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก เป็นผลให้ประเทศไลบีเลียมีสตรีเป็นผู้รับรางวัลพร้อมกัน 2 ท่าน

นางทาวัคคุล คาร์แมน สตรีนักเคลื่อนไหวชาวเยเมน คุณแม่ลูกสาม ผู้เคลื่อนไหวกดดันเรียกร้องให้ปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองในเยเมน และเป็นหัวหน้าขบวนการผู้สื่อข่าวหญิงไร้พันธนาการ และมีบทบาทสำคัญในการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีอับดุลลาห์ ซาเลห์ จอมเผด็จการแห่งเยเมนจนตัวเองต้องถูกจับคุมขัง

ประเทศไทยมีภาวะวิสัยที่จะสร้างสตรีไทยคนแรกที่จะได้รับเกียรติ์รางวัลแห่งมนุษยชาติสาขาสันติภาพนี้ได้เหมือนกันเพราะนับแต่การรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ที่ก่อวิกฤติยาวนานกว่า 5 ปี ได้ก่อให้เกิดสตรีลุกขึ้นมาแสดงบทบาททางการเมืองโดดเด่นขึ้นหลายคนตั้งแต่ นักเคลื่อนไหวอย่าง ดา ตอร์ปิโด (นางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล) ที่ถูกจับติดคุกอย่างไม่เป็นธรรมและมีแนวโน้มอาจจะต้องตายในคุก นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือแม่น้องเกดที่กลายมาเป็นแกนนำสตรีเรียกร้องความเป็นธรรมหลังจากที่ต้องสูญเสียลูกสาวจากฝีมือของทหาร จนถึงนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกอำนาจเผด็จการกลั่นแกล้งอย่างไร้กติกาทางกฎหมาย ซึ่งสังคมไทยกำลังฝากความหวังไว้กับเธอที่จะสร้างความปรองดองและนำสันติสุขกลับคืนสู่สังคมไทย

บางคนอาจจะมองว่าเพียงแค่วิกฤติการเมือง 5 ปี มานี้ ยังไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะสร้างวีระสตรีแห่งสันติภาพถึงขนาดจะได้รับรางวัลโนเบลได้เพราะอาจจะไม่รุนแรงมากพอเมื่อเปรียบเทียบกับไลบีเลียหรือเยเมน แต่หากพิจารณาถึงฐานรากของปัญหาจะพบว่าวิกฤติ 5 ปีมานี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่บ่งบอกว่าฐานรากของความขัดแย้งมีขนาดใหญ่มากส่ออาการจะเกิดความรุนแรงอย่างยิ่งในอนาคต เพราะโดยเนื้อแท้มันเป็นวิกฤติของระบอบเผด็จการณ์แฝงเร้นที่เน่าเฟะของไทยที่ยาวนานและขณะนี้กำลังจะพังทลายจึงเกิดการดิ้นรนก่อเหตุรุนแรงโหดร้ายเข่นฆ่าประชาชน

ความเน่าเฟะของระบอบเผด็จการตัวจริงเสียงจริงได้ส่งผลให้เกิดการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 และส่งผลให้เกิดการฆ่าประชาชนอย่างโหดร้ายกลางเมืองหลวงที่กระทำต่อเนื่องยาวนานมานับตั้งแต่การฆ่าประชาชน นิสิต นักศึกษา ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 จนถึงการลอบยิงประชาชนในเหตุการณ์ ผ่านฟ้า ราชประสงค์

สิ่งที่ยืนยันถึงความเน่าเฟะและการใกล้พังทลายของระบอบเผด็จการแฝงเร้นนี้อย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ คือการละเมิดหลักนิติธรรมของศาลที่มนุษย์ชาติรับรองแล้วคือ สิทธิการที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยและสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักโทษการเมือง ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนคือการพิจารณาคดีลับลงโทษนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด หรือการไม่ให้ประกันตัว   นายสุรชัย แซ่ด่าน และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งขณะนี้รู้กันทั้งโลกว่าพวกเขาถูกกระทำจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรมที่ไม่อาจจะโต้แย้งได้ ซึ่งเลวร้ายยิ่งกว่าผู้เผด็จการในอาฟริกาที่ 3 สตรีรางวัลโนเบลต่อสู้มาก่อนด้วย

หลักฐานยืนยันความเน่าเฟะของระบอบการเมืองไทยยืนยันได้จากปากของบุคคลที่มิได้ยืนอยู่ฝ่ายทักษิณ เช่น คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นคว้าหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ  (ค.อ.ป.)  ที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนแต่งตั้งขึ้น   ซึ่งล่าสุดนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในฐานะที่ปรึกษา ค.อ.ป. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงข้อสรุปของ ค.อ.ป.ว่า ขณะนี้ทิศทางสำคัญที่พยายามทำอยู่คือ การนำกระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านมาใช้ ซึ่งมี 6 ขั้นตอน คือ 1.ต้องมีการลงโทษผู้กระทำความผิดจริงๆ 2.ต้องค้นหาความจริง เปิดเวทีให้ทุกฝ่ายเล่าเหตุการณ์และระบายความคับแค้นใจ 3.ต้องมีกระบวนการเยียวยาเชิงฟื้นฟู ทั้งในรูปตัวเงิน ฟื้นฟูสมรรถภาพ ไปจนถึงการเอ่ยคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในขณะนั้น 4.อาจต้องสร้างอนุสาวรีย์ หรือพิพิธภัณฑ์ ให้ผู้คนระลึกถึงความรุนแรงแตกแยก และแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่สังคมไม่พึงให้เกิดขึ้นอีก 5.ต้องปฏิรูปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระบวนการยุติธรรม วิธีจัดการกับผู้ชุมนุม ฯลฯ เพื่อให้บ้านเมืองไม่กลับไปสู่เหตุนั้นอีก และ 6.การสร้างความปรองดอง ซึ่ง คอป.ต้องเปิดเวทีให้คนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนกระบวนการ พร้อมกับเปิดเวทีเจรจาเพื่อความปรองดอง (มติชน วันอาทิตย์ ที่ 9 ตุลาคม 2554)

แต่เงื่อนไขเวลาและเงื่อนไขของกลุ่มผลประโยชน์ที่กำลังสนุกกับการหาประโยชน์จากความเน่าเฟะของระบอบเผด็จการไทยอย่างอิ่มหมีพีมันอยู่ในขณะนี้จะยอมให้ ค.อ.ป. เดินหน้าต่อไปตามข้อสรุปข้างต้นนี้หรือ?

ในภาวะที่ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติของระบบเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่ากองทัพไทยภายใต้อำนาจของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่เข้าใจปัญหาเอาเสียเลย และยังแสดงบทบาทรักษาอำนาจและผลประโยชน์โดยมีท่วงทำนองข่มขู่ประชาชนอยู่เสมอว่าพร้อมจะรัฐทำประหาร ซึ่งหากรัฐไทยเกิดการยึดอำนาจกันอีกในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงจริง ก็จะผลักให้รัฐไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤติแตกหักอันเป็นภาวะเสี่ยงของสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน

เผด็จการไทยเป็นเผด็จการแห่งประวัติศาสตร์ที่แอบอ้างสารพัดคุณธรรม แต่ไม่ละเว้นการกระทำบาปโดยเฉพาะบาปที่ร้ายแรงที่สุดคือบาปจากการพรากชีวิตมนุษย์ และเป็นเผด็จการที่ยากแก่การปรับตัวที่สุด ดังนั้นสังคมไทยจึงมีภาวะวิสัยที่สมบูรณ์ที่สุดที่จะสร้างวีระสตรีแห่งสันติภาพ ที่โลกกำลังจับตามอง
คอป. เล็กเกินไปที่จะผ่อนคลายสถานการณ์ภาวะวิตกจริตของระบอบเผด็จการไทยที่กำลังก่อตัวเพื่อจะสร้างวีระสตรี

วีระสตรีจะเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด หรือ ดา ตอร์ปิโด ก็ได้ทั้งนั้น เพราะเนื้อแท้แห่งรางวัลโนเบลเป็นรางวัลแห่งสามัญชนที่กล้าเสียสละเสรีภาพและชีวิตเพื่อสันติสุขของมหาชน โดยเฉพาะสตรีเพศกำลังอยู่ในกระแสธารประวัติศาสตร์โลก  เพียงแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ในสถานภาพนายกรัฐมนตรีในภาวะเปลี่ยนผ่าน มีเงื่อนไขสูงสุดที่จะรับภาวะวิกฤติของรัฐไทยที่หนักที่สุดและภาวะวิสัยแห่งความโหดร้ายของระบอบเผด็จการไทยกำลังท้าทายนางสาวยิ่งลักษณ์ให้แสดงความกล้าหาญเพื่อมนุษยชาติมากที่สุด

ขอความกรุณา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และบรรดาขุนศึกผู้กระหายความจงรักภักดี อย่าสร้างเงื่อนไขให้เกิดวีระสตรีที่จะก้าวขึ้นรับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในฐานะคนไทยคนแรกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น