โดย ลม เปลี่ยนทิศ
นำเสนอโดย ทีมข่าว Sunai Fan Club
สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงสอนให้ พุทธศาสนิกชน รู้จักช่วยตัวเองด้วยธรรมะง่ายๆ “อัตตา หิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ศาสนาอื่นก็มีการสอนเช่นนี้เหมือนกัน “จงช่วยตัวท่านเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน”
แต่เมื่อได้เห็น วิธีแก้นํ้าท่วมกรุงเทพฯ ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ก็ต้องบอกว่า สิ้นหวัง นํ้าท่วมกรุงเทพฯแน่นอน
เพราะแทนที่จะเตรียมสรรพกำลัง เครื่องมือทุกอย่าง สร้างความพร้อมในการรับมือกับ “นํ้าเหนือ” ก้อนมหึมาจาก เขื่อนภูมิพล และ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่จะไหลมาถึง กรุงเทพฯและปริมณฑล ในวันที่ 12–18 ตุลาคมนี้ แต่ คุณชายสุขุมพันธุ์ กลับไปทำพิธี บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่พระคงคา พระปางห้ามสมุทร ให้ช่วยลดความรุนแรงของนํ้าท่วม
แม้คุณชายสุขุมพันธุ์จะบอกว่า ใช้เงินส่วนตัวทำพิธีและเป็นพิธีที่สืบทอดมาแต่สมัยอยุธยา เป็นการบูชาแม่พระคงคา ให้ช่วยบันดาลให้นํ้าท่วมลดลง เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจกับเจ้าหน้าที่
แต่พิธีนี้ก็สะท้อนถึง ภูมิปัญญา และความสามารถในการทำงานรับภัยนํ้าท่วมของคุณชายสุขุมพันธุ์ได้เป็นอย่างดี สมัยหน้าจะเลือกเป็น ผู้ว่าฯ กทม. อีกหรือไม่ คนกรุงต้องไปคิดกันหลายตลบ ถ้า “ทั้งชีวิตเราดูแล” ที่ คุณชายสุขุมพันธุ์ ใช้หาเสียง คือ ฝากไว้กับเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมว่าคนกรุงเทพฯดูแลตัวเองจะดีกว่า โดยเฉพาะ ชาวหนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง และ มีนบุรี ขอบอกล่วงหน้า มีสิทธิเจอนํ้าท่วมใหญ่ปลายสัปดาห์นี้แน่
ปัญหาใหญ่ จากนํ้าท่วมใหญ่ประเทศไทยครั้งนี้ นอกจาก ความไม่พร้อมในการกู้ภัยและสู้ภัยนํ้าท่วม ที่ผมเขียนถึงเมื่อวานนี้แล้ว ฝ่ายที่ไม่พร้อมอย่างยิ่ง ก็คือ เจ้าหน้าที่รัฐ นั่นเอง ขนาดผู้ว่าฯ กทม.แทนที่จะระดมสรรพกำลังเพื่อป้องกันนํ้าท่วมให้เต็มที่ กลับเสียเวลาค่อนวันไปทำพิธีพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร
อย่างวันเสาร์ที่แล้ว นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปตรวจ สถานีสูบนํ้าคลองด่าน ที่สมุทรปราการ ซึ่งเป็นช่องทางระบายนํ้าลงทะเลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
เมื่อตรวจแล้ว สิ่งที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ทำได้ก็คือ สั่งให้ นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ไปเร่งขุดคลอง 5 คลองที่ตื้นเขินในพื้นที่ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถระบายน้ำลงทะเลได้เร็วขึ้น เช่น คลองจระเข้ใหญ่ ขอให้ขุดเสร็จภายใน 7 วัน คลองลาดกระบังและคลองพระองค์เจ้าไชยาให้ทำควบคู่กันไป ขอให้เสร็จใน 10 วัน
เพราะ 5 คลองที่ตื้นเขิน ทำให้ระบายน้ำลงทะเลได้แค่ 20 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จากประสิทธิภาพที่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้ถึง 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
ไม่น่าเชื่อนะครับ เรื่องรายละเอียดอย่างนี้เป็นหน้าที่ปกติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่จะต้องทำอยู่แล้ว รัฐบาลก็มีนโยบายตั้งแต่น้ำเริ่มท่วม แต่กลับต้องรอให้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ไปตรวจเจอด้วยตัวเอง แล้วสั่งด้วยตัวเอง จึงจะเริ่มทำงานกัน
ที่มันแย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ มีผักตบชวาจำนวนมากปิดกั้นประตูระบายน้ำอยู่ แต่กลับไม่มีการขุดลอกออก นายกฯยิ่งลักษณ์ เลยต้องสั่งให้เร่งขุดลอกออกโดยเร็ว เพราะปิดบล็อกทางไหลของน้ำที่จะลงทะเล ก็ไม่รู้ 2 เดือนกว่าที่น้ำท่วม พวกเขาทำอะไรกันอยู่
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น นายกฯยิ่งลักษณ์ ได้พบเห็นด้วยตัวเอง มันฟ้องชัดเจนว่า ความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้เกิดจากการ “ไม่มีเจ้าภาพ” รับมือกับภัยน้ำท่วมแบบบูรณาการ ไม่มีทั้งการวางแผนรับมือ และ การวางแผนกู้ภัย ทำงานไปตามยถากรรม ต่างนั่งรอนายสั่ง เพื่อทำงานเอาหน้า
ความเสียหายครั้งนี้ไม่ใช่ 2–3 หมื่นล้านอย่างที่ประเมิน ถ้ารวมทรัพย์สินและค่าเสียโอกาส อย่างน้อยๆก็เกิน 1 แสนล้านบาทขึ้นไป การแก้ไขในปีหน้า นายกฯยิ่งลักษณ์ จะต้องทำให้เป็นรูปธรรมตั้งแต่วันนี้จัดตั้ง “ศูนย์รับมือภัยพิบัติแห่งชาติ” ขึ้นมา เพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญขึ้นมารองรับภัยพิบัติต่างๆในอนาคต ตั้งแต่ น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว ฯลฯ อย่านั่งรอภัยรอบใหม่เลยครับ.
มัวเล่นไสย์ศาสตร์ทำพิธีไล่น้ำอยู่ คนกรุงคราวหน้าเลือกอีกนะ อิอิ
ตอบลบนายกปู เก่งตายแหละ พูดจายังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย สะท้อนชัดเจนว่าไม่น่าจะมีพื้นฐานความรู้อะไรอยู่ในสมอง สงสารประเทศจริงๆต้องอยู่ภายใต้การนำของเธอไปอีกหลายปี
ตอบลบอยากรู้เหมือนกันว่า ใครที่จะวิเศษ มาแทนนายกยิ่งลักษณ์ แล้วน้ำท่วมมันจะดีขึ้น บอกหน่อย
ตอบลบ