เห็นพาดหัวข่าวไทยรัฐวันพุธที่ 5 และพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม 2554 ติดต่อกัน 2 วันว่า “มาร์คออกโรงต้านแก้ พ.ร.บ.กลาโหมระบุทำลายระบบราชการ” และ“ประยุทธ์ฮึ่มค้านแก้ พ.ร.บ.” แล้วต้องขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ได้ร่วมบรรเลงเพลงเผด็จการกับนักดนตรีผู้มีประวัติอื้อฉาวกลิ่นคาวเลือดประชาชนอย่างพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
คุณอภิสิทธิ์ทำท่าห่มผ้าเหลืองแสดงตัวเป็นนักบวชในระบอบประชาธิปไตยมานานจนคนส่วนหนึ่งหลงเชื่อ แต่วันนี้คุณอภิสิทธิ์ได้เปิดโปงตัวเองแล้วจากบทสัมภาษณ์ข้างต้นทำให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่าเนื้อแท้แล้วเขาเป็นนักบวชทุศีลที่ยืนอยู่กับระบอบลัทธิทหารนิยมไม่ใช่ประชาธิปไตยนิยม ยิ่งอ่านเนื้อข่าวพบว่าคำสัมภาษณ์ของคุณอภิสิทธิ์เป็นเนื้อเดียวกันกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันในฐานะแกนนำสายทหารเสือราชินีที่มีบทบาทในกลไกการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นจุดก่อกำเนิดแห่งการรวมอำนาจทางการเมืองและการทหารตามรัฐธรรมนูญปี 2550และการแก้ พ.ร.บ.กลาโหมนี้จนนำไปสู่การฆ่าประชาชนที่ผ่านฟ้า – ราชประสงค์ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านทั้งสามประสานเสียงเปิดโปงตัวเองว่าท่านเป็นกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองเดียวกันในขณะนี้
สำหรับพลเอกประวิตร และพลเอกประยุทธ์ ผมไม่ขอวิจารณ์เพราะประวัติของท่านไม่ได้อวดอ้างเป็นนักประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ถือว่าท่านเป็นนักบวชคนละนิกายกับผมและตัวท่านเองก็แสดงตัวเป็นฝ่ายลัทธิทหารนิยมมาตั้งแต่ดั้งแต่เดิม ประชาชนรู้แจ้งเห็นจริงแล้วไม่สับสนแต่สำหรับคุณอภิสิทธิ์ผมต้องวิจารณ์เพราะเธออวดอ้างตัวเองว่าเป็นผู้นิยมแนวทางประชาธิปไตย เปรียบเสมือนเป็นนักบวชในนิกายเดียวกับผม แต่แท้จริงเธอแปลกปลอมจึงทำให้ญาติโยมสับสนหลงผิด
ผมไม่ใช่ดูแต่พาดหัวข่าวแล้วจะเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์จะเป็นเช่นนั้นแต่เมื่อเจาะเข้าไปในเนื้อข่าวก็ถือได้ว่า “ใช่เลย” ไม่ผิดเพี้ยน
ผมขอยกข้อความบางตอนของคำสัมภาษณ์ของคุณอภิสิทธิ์มาเสนอส่วนรายละเอียดผู้สนใจไปหาอ่านเองนะครับเพราะมันยาว
ฟังคนแถเก่งๆอย่างคุณอภิสิทธิ์แล้วหลายคนจะหงุดหงิด เพราะเธอจะปิดบังความจริงบางส่วนแล้วนำความเท็จบางส่วนมาฉาบสีใหม่แล้วนำเสนอต่อสาธารณะ ดังนั้นต้องจับให้มั่นทั้งหลักการและรายละเอียดจึงจะเห็นเนื้อแท้ความตลบตะแลงของเธอ
“ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ พ.ร.บ.กลาโหมเพื่อให้อำนาจฝ่ายการเมืองในการโยกย้ายนายทหาร เพราะยังไม่เห็นว่ากองทัพจะไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลดังนั้น จะใช้ความไม่พอใจส่วนบุคคล มาแก้ไขกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายการเมือง โดยอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนแล้วสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ได้ เพราะกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาเป็นผลพวงจากที่ฝ่ายการเมืองใช้อำนาจเกินขอบเขต คือใช้ความไว้วางใจจากประชาชน ไปสร้างกลไกที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายการเมือง แทนที่จะมุ่งทำเพื่อประชาชน จึงต้องหาความพอดี หากมีประเด็นว่ากองทัพไม่สนองนโยบายรัฐบาล ทำให้มีปัญหาในการบริหารงาน ก็สามารถปรับปรุงให้เกิดความพอดีได้ แต่ไม่ใช่ว่าการเมือง จะต้องเข้าไปวุ่นวายทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นหากรัฐบาลไม่พอใจผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็อาจแก้ไขกฎหมายที่ให้ภูมิคุ้มกันกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ให้ถูกโยกย้ายโดยฝ่ายการเมือง หากคิดเช่นนี้ก็จะมีปัญหาตามมา เป็นการทำลายระบบราชการ ที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ”
เธอแถจากเรื่องทหารแต่ดันไปหยิบเอาเสื้อคลุมผู้ว่าการแบงก์ชาติมาให้ทหารใส่เสียเฉยๆ
ประวัติศาสตร์ผู้ว่าแบงก์ชาติเคยขับรถถังออกมายึดอำนาจฆ่าประชาชนเสียเมื่อไร และปัญหานี้ก็มิใช่ปัญหาตัวบุคคลแต่เป็นปัญหาตัวระบบการเมืองที่ไม่ถูกต้อง
ท่านผู้อ่านเห็นด้วยกับผมใช่ไหมว่าทำไมผมจึงต้องออกมาวิจารณ์
เราต้องรู้ก่อนว่า พ.ร.บ.กลาโหมที่แก้ไขนั้น แก้เมื่อไร และมีเนื้อหาอย่างไร?
เขาแก้กฎหมายกลาโหมให้อำนาจทหารเต็มที่หลังยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ตอนที่ไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง หรือนัยหนึ่งก็คือแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้ทหารในขณะที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหารจะเรียกว่าเป็น พ.ร.บ.กลาโหมฉบับปิดประตูตีแมวก็ว่าได้ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ก็เห็นชอบสนับสนุนการรัฐประหารมาตั้งแต่ต้นด้วย (ใช่ไหมคุณอภิสิทธิ์ ทำไมไม่บอกประชาชนถึงที่มาของกฎหมายฉบับนี้และบทบาทของตัวคุณในการรัฐประหารด้วยเล่า?)
เนื้อความสำคัญที่แก้ไขก็คือ รัฐบาลที่มาจากประชาชนจะโยกย้ายผบ.เหล่าทัพทั้งหลายไม่ได้เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าก่อนจะย้ายผบ.เหล่าทัพนั้น รัฐมนตรีกลาโหมต้องถามเจ้าตัวท่านผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้นก่อนว่าจะขอโยกย้ายท่านได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนก็คงไม่มีใครยอม (ใช่ไหมคุณอภิสิทธิ์ ทำไมไม่บอกประชาชนถึงรายละเอียดเช่นนี้ด้วยเล่า?)
สรุปแล้วรัฐบาลจะย้ายหรือแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่เคยเสนอต่อประชาชนไม่ได้เลย
ข้าราชการทุกฝ่ายเสมอภาคกันด้วยระดับเงินเดือนใช่ไหม?
หากเราใช้ทัศนะเสมอภาคของระบบราชการมาดูผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งผู้บัญชาการทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ท่านเหล่านี้มีฐานะเพียงแค่อธิบดี หรือระดับ ซี 10 เท่านั้น
ถ้าคุณอภิสิทธิ์คิดว่าการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมเป็นการทำลายระบบราชการ ก็ทำไมไม่แก้กฎหมายทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้หมดทั้งประเทศไทยเสียเลยว่าถ้าจะย้ายปลัดกระทรวง ย้ายอธิบดีทุกกระทรวงทุกกรม ให้ผ่านคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยปลัดกระทรวง และอธิบดีทุกคน โดยต้องถามท่านปลัดอธิบดีก่อนว่าท่านพร้อมจะย้ายหรือไม่ขอรับ........เช่นนั้นใช่ไหมขอรับ ฯพณฯท่านอภิสิทธิ์
น่าจะทำเลยนะคุณอภิสิทธิ์ประชาชนจะได้ตาสว่างรู้แล้วรู้รอดไป
การนำเสนอแนวคิดของคุณอภิสิทธิ์เช่นนี้เท่ากับยืนยันหลักการว่า ระบบข้าราชการประจำเป็นระบบที่ดีที่ตัวแทนของประชาชนไม่ควรเข้าไปแตะต้องเลยใช่ไหมขอรับ?
หากเป็นเช่นนั้นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ก็เป็นเรื่องที่ผิดใช่ไหม? เพราะระบบข้าราชการเขารับใช้ประชาชนเขาไม่ใช่เจ้านายของประชาชนมาแต่ดั้งเดิมเป็นเช่นนั้นใช่ไหมขอรับ?
หากเป็นเช่นนั้นระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษที่ฯพณฯท่านอภิสิทธิ์ไปเรียนมาก็ผิดใช่ไหมขอรับ? เพราะเขาให้ตัวแทนประชาชนขึ้นมาควบคุมกลไกของระบบราชการเพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยมีอำนาจโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพได้
ถ้าคุณอภิสิทธิ์เห็นดีเห็นงามกับที่ตัวท่านเสนอจริงๆ ว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องจะทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองแล้วทำไมตอนที่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯเดินทางไปทั่วโลกทำไมไม่เสนอแนวคิดนี้ให้ อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา และประเทศในอาเซียนไปทดลองปฏิบัติบ้างเล่า จะได้เป็นบุญกุศลแก่ประเทศเหล่านั้นที่หลงงมงายอยู่มานานกับการที่ให้ตัวแทนประชาชนไปควบคุมทหารและกลไกราชการ
ที่ผ่านมาคุณอภิสิทธิ์ในเวทีโลกก็จ้อจังไม่ใช่หรือ สอนทั้งพม่า สอนทั้งผู้นำอียิปต์ และอีกหลายประเทศ
ผมยังยินดีด้วยนะครับที่คุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า “โดยส่วนตัว”ไม่ได้ใช้คำว่า “โดยนโยบายพรรคประชาธิปัตย์”
เมื่อท่านชื่นชอบกับแนวคิดดังกล่าวข้างต้น ทำไมไม่พูดเสียให้ชัดเจนเลยว่า “ผมในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอแนวคิดนี้เป็นแนวนโยบายของพรรค” จะได้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ใครๆก็รู้ว่าพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบต่อประชาชนโดยนโยบายที่เสนอตอนเลือกตั้งและการที่จะปฏิบัตินโยบายให้สัมฤทธิ์ผลก็จะต้องผลักดันผ่านกลไกข้าราชการประจำ ก็เมื่อข้าราชการบางคนจะดันให้ซื้ออาวุธให้ได้ทั้งๆที่เศรษฐกิจไทยก็แย่ ชาวบ้านก็เดือดร้อนจากภัยพิบัติจนน้ำตาเป็นสายเลือด เช่นนี้ แต่ข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ยังถือปืนขู่ฮึ่มๆจะซื้อเรือดำน้ำให้ได้ , จะซื้อเครื่องบิน รถถังให้ได้ ในสถานการณ์อย่างนี้คณะรัฐมนตรีต้องนั่งทำตาปริบๆประนมมือวิงวอนท่านเหล่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้จะเลือกตั้งมาทำไม
ผมจะเห็นด้วยกับคุณอภิสิทธิ์ก็มีอยู่เรื่องเดียวเป็นการชั่วคราวคือในสถานการณ์เฉพาะหน้านายกฯ และ ค.ร.ม. คงต้องเฉยๆไปก่อนเพื่อจะอาศัยกำลังทุกฝ่ายเข้าช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัยไปก่อน แต่จะเห็นด้วยในหลักการและเห็นตลอดไปนิกายประชาธิปไตยทำไม่ได้ครับ
สุดท้ายทหารรวมศูนย์อำนาจอย่างนี้ก็จะเกิดการยึดอำนาจอีก คุณอภิสิทธิ์กำลังสร้างความชอบธรรมให้ทหารใช่ไหมครับ
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านที่พี่น้องเขาตาย บาดเจ็บจากการที่ถูกยิงในเหตุการณ์ ผ่านฟ้า –ราชประสงค์ แล้วหัวหน้าผู้สั่งการได้ดิบได้ดีปูนบำเหน็จกัน 2 ปีซ้อนแล้ว โดยผลแห่งกฎหมายกลาโหมนี้เขาทนไม่ได้จะไปห้ามปรามเขาไม่ได้หรอกครับ สำหรับคณะรัฐมนตรีคงต้องเฉยๆ แต่สำหรับสุนัยหนุนความคิดเต็มที่
ก็ขอบ่นมาให้แฟนๆฟังกันเพื่อให้ภาพของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่คอยแต่รับของโจรจากการรัฐประหารมายาวนานแล้วในประวัติศาสตร์ได้เด่นชัดเสียทีเพื่อให้ประชาชนสิ้นสงสัย ผมก็ทำได้เท่านี้แหละครับ เพราะผมก็คล้ายๆกับเพื่อนๆใน face book ที่ไม่มีฐานะความสำคัญเท่าคุณอภิสิทธิ์ที่นักข่าวเขาจะมาทำข่าวใหญ่กับคำพูดของผมหรอกครับ ถ้าเห็นด้วยก็กรุณาส่งต่อๆไปในเครือข่าย Social Network ด้วย ขอบคุณครับ
6 ตุลาคม 2554
ส.ส.สุนัย จุลพงศธร
นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม ถ้าย้ายข้าราชการไม่สนองตอบนโยบายรัฐบาลไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายไว้ทำไม แล้วจะมาฟ้องร้องรัฐบาลว่าไม่ทำตามนโยบายได้อย่างไรกัน ทหารตำรวจและข้าราชการที่ดีก็มีกฏหมายชัดเจนว่าต้องต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว ถ้าไม่ปฏิบัติก็ต้องถือว่ากระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับชัญชาไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีกระบวนการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมอยู่แล้ว แล้วก็ฟ้องร้องต่อศาลปกครองเป็นอันสิ้นสุด
ตอบลบ