Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ภารกิจใหม่"เพื่อไทย" ดัน"กู้ 2 ล้านล้าน "สภา"ระอุอีกรอบ!

จาก มติชนออนไลน์




วันที่ 19-20 กันยายน สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีทั้งสิ้น 19 มาตรา มีสาระสำคัญคือ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้สูงสุด 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2563

ทั้งนี้ การกู้เงินดังกล่าวเป็นการกู้เงินนอกงบประมาณ ไม่ต้องนำส่งคลัง แต่หากเงินเหลือให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

ไม่สามารถโยกวงเงินกู้ระหว่างยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ด้าน แต่สามารถโยกเงินระหว่างแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์เดียวกัน หรือโยกเงินภายในแผนงานเดียวกันได้

โครงการที่จะดำเนินการและใช้เงินกู้ ต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และผ่านการกลั่นกรองจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจอนุมัติโครงการ รวมถึงกำหนดวงเงินกู้ วิธีการกู้ และการจัดสรรเงินกู้ ส่วนกระทรวงการคลังมีอำนาจในการกู้เงิน การบริหารเงินกู้ และการปรับโครงสร้างหนี้ และการกำหนดหลักเกณฑ์การติดตามและประเมินผลโครงการ

สำหรับยุทธศาสตร์ 3 ด้านที่แนบท้ายร่าง พ.ร.บ. ประกอบด้วย

1.ยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนสู่การขนส่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า วงเงิน 354,560.73 ล้านบาท

2.ยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคทั่วประเทศและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน วงเงินดำเนินการ 1,042,376.74 ล้านบาท

และ 3.ยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว วงเงินดำเนินการ 593,801.52 ล้านบาท

ยุทธศาสตร์แต่ละด้านกำหนดให้ใช้จ่ายเงินกู้เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศ มีกำหนดเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ.2563 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า

ระบบคมนาคมที่อยู่ในแผนการสร้างมีทั้งถนนหลวงข้ามประเทศ ปรับปรุงระบบรางรถไฟเป็นระบบรางคู่ สร้างรถไฟฟ้าไฮสปีด ทำท่าเรือ

ปรับปรุงด่านศุลกากร

คาดหมายกันว่า หากสามารถดำเนินการได้ตามแผน ประเทศไทยจะกลายเป็น ฮับŽ การท่องเที่ยว สถานะของประเทศจะยกระดับขึ้นสูง จูงใจนักลงทุนต่างชาติ และทำให้ชีวิตคนไทยสะดวกสบายขึ้น

โครงการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน 7 ปีได้ จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล

นี่จึงเป็นที่มาของการเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเข้าสู่การพิจารณาของสภา

เป็นการนำเสนอภายใต้แรงต้านจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทมาลงทุน ด้วยเหตุผลหวาดผวาเกิดการ ทุจริตคอร์รัปชั่นŽ ขึ้น

ท่าทีที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยดังกล่าวยังเป็นเรื่องกังวล เพราะพรรคเพื่อไทยเพิ่งผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีจำนวน 13 มาตรา

แค่ 13 มาตรา ในสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย แทนที่จะใช้เวลาประชุมแค่ 2 วัน กลับต้องใช้ถึง 13 วันในการพิจารณา จึงเกรงว่าร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมี 19 มาตรานี้ จะต้องใช้เวลายาวนานเท่าใด

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีข้อเปรียบเทียบ

ประการแรก ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเป้าหมายที่การเมือง

ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้้น เกิดจากฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับการ เลือกตั้งŽ สมาชิกวุฒิสภา และฝ่ายที่เห็นว่าวุฒิสภาควรจะ คละŽ กัน ไม่ปล่อยให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด

ร่างกฎหมายฉบับนั้น ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง

แต่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีเป้าหมายที่เศรษฐกิจ

ข้อขัดแย้งอยู่ตรงที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการ กู้เงินŽ จำนวนมากเพื่อเร่งรัดให้โครงการจบใน 7 ปี ส่วนฝ่ายค้าน ไม่ต้องการให้กู้เงินŽ มากขนาดนั้น แต่อยากให้เสนอโครงการเข้าสู่ระบบงบประมาณปกติ

ส่วนการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมนั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย

ดังนั้น หากฝ่ายค้านยึดวิธี ยื้อŽ เหมือนดั่งที่ใช้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านอาจถูกมองเป็น ตัวถ่วงŽ ดึงมิให้

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมเกิดขึ้น

ประการที่สอง การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ที่ผ่านมา

รัฐสภาได้สร้างรอยแผลแก่ตัวเอง มีการทำลายธรรมเนียมกรอบกติกา ผู้ทรงเกียรติŽ ด้วยการละเมิดข้อบังคับ หรือยอมให้มีการละเมิดข้อบังคับ

มีการแสดงพฤติกรรมรุนแรง เช่น การโห่ การเสียดสี ใส่ร้ายเป็นต้น

ทั้งที่การพิจารณากฎหมายวาระ 2 เป็นการพิจารณาแก้ไขถ้อยคำในร่างกฎหมาย ที่ผ่านวาระ 1 คือ เห็นด้วยŽ กับการ

แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งแล้ว

แต่การประชุมรัฐสภาที่ผ่านมากลับไปอภิปรายในประเด็น

เห็นด้วยŽ หรือ ไม่เห็นด้วยŽ กับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาอีก

จนทำให้เกิดความวุ่นวาย

หากสภาผู้แทนราษฎรจะใช้วิธีนี้กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.

กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท คือ กลับไปอภิปราย เห็นด้วยŽ หรือ

ไม่เห็นด้วยŽ กับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทอีก ก็เท่ากับซ้ำรอยการละเมิดกรอบการพิจารณาของสภาอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น ความวุ่นวายเหมือนดั่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ย่อมเกิดขึ้นอีก

ขณะที่ทางวิปรัฐบาลขู่ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ยังใช้เกมยื้อ พรรคเพื่อไทยก็จะใช้วิธี โหวตปิดอภิปรายŽ เป็นรายมาตราสู้

และหากเป็นเช่นนั้นจริง ความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้นอีก

ทำให้อุณหภูมิการพิจารณากฎหมายในสภาระอุซ้ำรอยเก่า

แต่หาก ความวุ่นวายเกิดขึ้นจริง ย่อมเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะทุกครั้งที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ประเด็นหลักที่น่าจะปรากฏข้อถกเถียง มักถูกลืมเลือน

ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนี่ก็เช่นกัน ประเด็นในรายมาตราที่ควรแปรญัตติ คือจะทำอย่างไรให้มีการตรวจสอบการใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทอย่างรัดกุม เพื่อมิให้เกิดช่องโหว่ที่นำไปสู่การโกงได้

ประเด็นในวาระ 2 เช่นนี้ หากทำได้ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ประชาชนผู้ฟัง รวมไปถึงฝ่ายค้านย่อมได้รับประโยชน์

ประโยชน์ที่จะช่วยกันหากลยุทธ์กลวิธี ป้องกันมิให้เงินกู้ที่ได้มารั่วไหลไปเข้าสู่กระเป๋าของใคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น