Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทำไมต้องเปิดประชุมสมัชชา? ทำไมต้องที่ลาสเวกัส?

สส.สุนัย จุลพงศธร 

(บทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ในนครลาสเวกัส, สหรัฐอเมริกาปลายเดือนสิงหาคม2558) 



วันนี้ถ้าคนไทยคนใหนบอกว่าประเทศไทยสบายดีไม่มีปัญหาอะไร!! บอกได้เลยว่าคนไทยคนนั้นโกหก 
เพราะไม่เคยมีวิกฤติการเมืองอะไรในไทยที่เกิดขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันยาวนานถึง10ปีโดยเฉพาะเป็นวิกฤติการเมืองที่มีมวลชนจำนวนมากที่มีความเห็นแตกต่างกันเป็นสองฝ่ายเข้าร่วมต่อสู้กันเข้าร่วมด้วย 
วิกฤติตั้งเค้ารุนแรงจากกลุ่มพันธมิตรเมื่อปี2548 จนเกิดรัฐประหาร 19กันยา2549 และหลังจากนั้นก็เกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายประชาชนที่มีความเห็นต่างในเรื่องประชาธิปไตยแบ่งสีแบ่งฝ่ายเป็นสีแดงสีเหลืองเชิงสัญญลักษณ์ และมีภาวะการก่อจราจลรุนแรงทั้งยึดสนามบิน ปิดกรุงเทพ ยิงปืนฆ่ากันตายกลางเมืองกันเห็นๆ วางเพลิงเผาอาคารสถานที่จนเกิดปรากฎการณ์ที่หายากในหลายประเทศคือในเวลา9ปีไทยมีนายกรัฐมนตรีถึง7คนและเฉพาะปี2551ปีเดียวเปลี่ยนนายกฯถึง4คน 

หากมองย้อนอดีตก็เคยมีวิกฤติแต่ไม่ยาวนานอย่างนี้และไม่มีลักษณะขยายวง 
กว้างอย่างนี้ 
เหตุการณ์ 14ตุลา2516 ก็เป็นเรื่องเผด็จการทหารเผชิญหน้ากับประชาชนและนักศึกษา แต่ก็ไม่ได้แบ่งฝ่ายความคิดเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดงอย่างทุกวันนี้ 
เหตุการณ์ 6ตุลาคม2519 แม้จะมีการแบ่งฝ่ายความคิดในหมู่ประชาชนและรุนแรงถึงขั้นฆ่ากันตายอย่างโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ไม่ยาวนานถึง10ปีและก็ไม่ได้รุนแรงต่อเนื่องถึงขั้นยึดสนามบินปิดกรุงเทพอย่างทุกวันนี้ 
เหตุการณ์ 17พฤษภา2535 หรือพฤษภาทมิฬที่มวลชนลุกขึ้นล้มรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร ก็ม้วนเดียวจบ และเป็นเรื่องเผด็จการทหารเผชิญหน้ากับประชาชน 


วิกฤติในช่วง10ปีนี้มิได้อยู่แต่เฉพาะกลุ่มการเมืองที่เห็นต่างแต่ยังได้ลากเอาสถาบันสำคัญที่ไม่เคยออกมาร่วมวงอย่างเปิดหน้าเล่นโดยแสดงตัวเป็นฝักฝ่ายกับเขามาก่อนเลยแต่วันนี้กลับไม่รักนวลสงวนตัวโดยแก้ผ้าเอากับเขาด้วยเต็มๆคือ"สถาบันตุลาการ"ถึงขนาดตัดสินลงโทษเป็น2มาตราฐานอย่างเห็นชัดๆเช่นคดีหมิ่นประมาทกันธรรมดาถ้าเป็นคนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์หรือพวกเสื้อเหลืองเป็นจำเลยถ้าไม่ยกฟ้องก็รอลงอาญา แต่ถ้าเป็นคนฝ่ายพรรคไทยรักไทยหรือพรรคเพื่อไทยหรือพวกเสื้อแดงเป็นจำเลยด้วยข้อหาเดียวกันแล้วก็ติดคุกทุกคดีไม่รอลงอาญา 


อีกทั้งวิกฤติการเมืองที่กัดกร่อนประเทศจนถึงวันนี้ก็มีภาวะพิเศษที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยคือภาวะการณ์สูญญากาศทางอำนาจแห่งประมุขรัฐ ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าในช่วงแห่งวิกฤตินี้ในหลวงในฐานะองค์พระประมุขทรงพระประชวรอย่างต่อเนื่องเกือบ10ปีแล้วและพระองค์ทรงประทับอยู่ในโรงพยาบาลที่นานที่สุดที่เคยเป็นมาและวันนี้อยู่ในภาวะที่ไม่อาจจะปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะประมุขแห่งรัฐอันเป็นปกติได้แล้ว จนเกิดการสงสัยอันไม่อาจจะกล้าพิสูจน์ความจริงว่าพระปรมาภิไธยที่ปรากฎบนกฎหมายก่อนการประกาศใช้ที่เป็นประจำทุกฉบับทุกวันนี้ที่จำเป็นต้องปรากฎพระปรมาภิไธยนั้น แท้จริงแล้วพระองค์ยังทรงลงพระปรมาภิไธยได้จริงหรือ? 
การรัฐประหารล่าสุดเมื่อ 22พฤษภาคม 2557 ที่หัวหน้าคือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา สัญญากับประชาชนว่าจะขออยู่เพียงปีเดียวแล้วรีบคืนอำนาจให้ประชาชนก็โอละพ่อกลายเป็นไม่มีอนาคตว่าจะคืนอำนาจให้เมื่อใดรวมทั้งเกิดตัวแปร"โล้นสุเทพ"ประสานเสียงกับกลุ่มนักการเมืองที่เกลียดการเลือกตั้งก็ทำตัวเป็นผีรับส่วนบุญจากรัฐประหารสร้างเงื่อนไขไม่ให้ผีไปผุดไปเกิดแต่ให้กินบ้านกินเมืองอยู่นานๆด้วยการโพนทะนาว่า"ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" 
สรุปคือระบอบปกครองไทยไม่มีทางออกแล้วและกำลังเข้าสู่พื้นที่ความเป็นรัฐล้มเหลวคือ"รัฐที่ไร้ระเบียบ"ที่พร้อมจะล้างแค้นกันด้วยอำนาจเถื่อนและอำนาจกดหมายที่"ย"หายไป 


ทางออกที่ดีที่สุดของผู้ที่ยังมีความสำนึกเป็นคนไทยและต้องพูดความจริงกับตัวเองว่าในภาวะวิกฤติไทยที่อยู่ในกลไกของระเบียบโลกใหม่นี้เรามีทางเดียวที่จะหาทางออกคือต้องใช้เหตุผลในกรอบ"ประชาธิปไตย"เท่านั้น 


คือต้องเปิดประชุมหารือกันบนพื้นฐานแห่งความเสมอภาคที่เราจะมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันและมีเสรีภาพที่จะหาทางออกโดยไม่มีกฎหมายมาตรา112และ113ถึง116ข้อหากบฏมาบีบคอกัน 


แน่นอนที่สุด.....ทำในประเทศไทยไม่ได้ต้องทำในต่างประเทศ 
แน่นอนที่สุดต้องที่สหรัฐอเมริกา เพราะประเทศอื่นโดยเฉพาะในกลุ่มอาเซี่ยนภาคประชาชนอย่างเราก็ทำไม่ได้ด้วยเหตุอำนาจรัฐเหล่านั้นยังกริ่งเกรงเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้าที่จะแลกกับรัฐเผด็จการไทยในเวลานี้และแต่ละรัฐก็ไม่มีบารมีแข็งแกร่งทางปรัชญาประชาธิปไตยเพียงพอเสมอเช่นสหรัฐอเมริกาที่จะเปิดทางให้ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยสามารถทำได้ 


*นี้คืความเป็นจริงและความเป็นไปได้ที่จะต้องเปิดประชุมสมัชชาประชาธิปไตยประชาชนไทยขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก 
*นี้คือความเป็นจริงและเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะต้องจัดในต้นเดือนกันยายนเพราะเป็นเวลาที่แผลเน่าเฟะที่คสช.สร้างขึ้นซ้ำเติมวิกฤติไทยให้รุนแรงขึ้นเช่นกำลังจะขยายการยึดอำนาจด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญกำลังจะคลอด,การช่วงชิงอำนาจทางการเมืองและการทหารที่รวมศูนย์อยู่ที่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกโดยพลเอกประยุทธ์ได้ปักใจแล้วว่าจะต้องเอาพลเอกปรีชาน้องชายในสายเลือดมาเป็นให้ได้โดยพร้อมจะแลกผลประโยชน์ทุกอย่างกับกลุ่มอำนาจทหารต่างๆที่ขอต่อรองด้วยการแจกตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อแลกผลประโยชน์ซึ่งการปรับครม.ก็จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 
*นี้คือความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยกำลังเน่าเฟะและงบประมาณปีหน้ากำลังจะผ่านสภาทั้งๆที่เก็บภาษีปีนี้ไม่เข้าเป้าและปีหน้ายังต้องกันเงินซื้ออาวุธจากจีนอีกจำนวนมาก 


เราหวังว่าการเปิดประชุมสมัชชานี้จะเป็นทางออกทางหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นการเตือนสติพลเอกประยุทธว่าคนไทยผู้รักชาติรักประชาธิปไตยเขาไม่ได้นอนหลับดังนั้นโจรที่ปล้นประชาธิปไตยต้องรู้จักเกรงใจกันบ้าง 


ส่วนผลของการประชุมจะออกมาเบาหรือแรงอย่างไรนั้นเป็นอนาคตจากที่ประชุม 


แล้วทำไมต้องเป็นที่ลาสเวกัส? 
ก็บอกได้เลยว่าเส้นทางการเดินทางไปกลับลาสเวกัสสะดวกที่พักสะบายและไม่แพงเมืีอเทียบกับหลายๆเมืองเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวยิ่งจองสายการบินล่วงหน้ารับรองถูกกว่าบินในไทยด้วยเครื่องบินการบินไทยที่กำลังจะเจ๊งก็แล้วกัน 


ความลับที่สุดที่หวังไว้ว่าการประชุมจะประสบชัยชนะเป็นที่ชื่นชมของคนไทยทุกชั้นชนดังเช่นเมื่อ55ปีที่แล้วที่คนไทยทั้งประเทศและทุกคนพึงพอใจจากเมืองลาสเวกัสคือ นักมวยแชมโลกของคนไทยคนแรก,ชกในต่างประเทศป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งแรกคือโผนกิ่งเพชร ชกที่เมืองนี้และชนะที่เมืองนี้คือชนะ ปาสคาลเปเรซ นักชกชาวอาเจนตินา เมื่อ 23กันยายน 2503 
ครบเดือน ครบปี ครบ55ปีพอดี 
ผมก็หวังกับเรื่องโชคลางบ้างคงไม่เป็นไรนะครับเผื่อจะถูกรางวัลที่1 โดยคสช.จะสำนึกบาปรีบคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็วจากมติผลของการประชุมสมัชชานี้555///

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น