Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ยินดีกับการเลือก กสทช. ตามรัฐธรรมนูญเผด็จการที่ทำให้ตาสว่างยิ่งขึ้น

ส.ส.สุนัย  จุลพงศธร

       คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ทุกคนคาดหวังว่า จะมีตัวแทนจากผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มอาชีพต่างๆเข้ามาแบ่งปันทรัพย์สินมหาศาล ของชาติ (ทรัพย์สินในศตวรรษที่ 21 ) คือคลื่นการสื่อสารวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ ที่ทหารควบคุมหาผลประโยชน์จากคลื่นวิทยุโทรทัศน์เกือบทั้งหมดในประเทศไทย ในข้ออ้างความมั่นคงมาเป็นเวลายาวนาน แต่แล้วผลของการเลือกตั้งที่สมาชิกวุฒิสภา (สายเลือกตั้ง + สายลากตั้ง) เป็นผู้เลือกตามรัฐธรรมนูญ ก็เลือกตั้งได้ทหาร 6 คน ในจำนวนทั้งหมด 11 คน และส่วนที่เหลืออีก 5 คนก็เป็นข้าราชการเกือบทั้งหมดและเกี่ยวเนื่องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับอำนาจ ทหาร เช่น เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เป็นองค์กรมาจากการยึดอำนาจ (คณะทหารผู้ยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นผู้แต่งตั้ง กกต. ขึ้น ) ส่วนความหวังที่จะมีตัวแทนประชาชนในฐานะผู้เชี่ยวชาญและในฐานะกลุ่มอาชีพก็ สิ้นหวัง เพราะ แม้แต่ผู้มีประสบการณ์ด้านการศึกษาวัฒนธรรมหรือการพัฒนาสังคม ก็ยังเป็นทหาร คือ พลเอกสุกิจ ขมะสุนทร  ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นตัวแทน

      “ต้นไม้พิษคือรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกสร้างขึ้นจากรากอำนาจเผด็จการของทหารที่ทำในนามระบอบอำมาตย์ (ระบอบราชการ) จึงสร้าง ผลไม้พิษคือระบอบการแต่งตั้ง สว.ขึ้นเป็นตัวแทนเป็นเสียงข้างมากควบคุมวุฒิสภา ซึ่งมีอำนาจสูงสุดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในการเลือกสรรต่างๆ ดังนั้นผลไม้พิษจึงมี เม็ดในที่เป็นพิษคือ กรรมการ กสทช. ดังนั้น เม็ดในที่เป็นพิษก็จะทำหน้าที่ขยายพันธุ์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ วิทยุโทรทัศน์และสื่อสารโทรคมนาคมก็อยู่ในมือของทหาร และประชาชนคงหวังเศษหวังเลยจากผลประโยชน์ของคลื่นการสื่อสารที่กระจายสู่ มหาชนได้ยาก

       ตามข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อนำมาวิเคราะห์ก็จะเห็นชัดเช่นนี้ แต่หากผ่าโครงสร้างเม็ดใน กสทช. ต่อไปก็จะเห็น DNA ว่าตรงกับรากที่เป็นพิษดังนั้น กรรมการ กสทช.ที่ส่วนใหญ่เป็นทหารจึงไม่ใช่ปัญหาของความเป็น ทหารเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของโครงสร้างระบอบอำมาตย์ หรือ ระบอบราชการ ที่ครอบงำอำนาจของประชาชนมายาวนานแล้ว โดยใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีตัวแทนประชาชนและเชิดชูความมีคุณธรรมว่ามีเฉพาะใน หมู่ข้าราชการเท่านั้น และที่สำคัญผลประโยชน์ในระบอบอย่างนี้จึงตกถึงประชาชนยาก มันจะค้างอยู่ที่โครงสร้างส่วนบนของคนส่วนน้อย ดังนั้นการต่อสู้ทางการเมืองที่มีรากลึกที่สุดของประเทศไทยยาวนานมานับ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 คือการต่อสู้ของ 2 พรรคการเมือง คือ พรรคราชการกับพรรคประชาชน โดยพรรคราชการมี ผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเอกภาพพรรคเดียว โดยหัวหน้าพรรคจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยตรงและโดยอ้อม โดยเฉลี่ย 4 ปีครั้ง (ด้วยการยึดอำนาจ) ส่วนพรรคประชาชน มีหลายพรรคไม่สามัคคีกันและมีบางพรรคโดยเฉพาะพรรคที่เก่าแก่แอบไปเป็นกิ๊ก หรือเป็นอะไหล่ของพรรคราชการที่เรียกว่า สมุนอำมาตย์ เพราะรู้ดีว่าจะทำให้พรรคการเมืองของตนอยู่ยาวนาน แล้วก็เป็นจริงพิสูจน์ได้ เช่นทุกพรรคถูกยุบหมด แต่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ไม่ต้องถูกยุบ เพราะศาลรัฐธรรมนูญก็คือศาลของพรรคราชการ หรือศาลระบอบอำมาตย์

       ผมดีใจที่ผลการเลือกตั้ง กสทช. ออกมาเช่นนี้ เพราะเป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นถึงทฤษฎีโครงสร้างการเมืองว่าทุกวันนี้ ที่บ้านเมืองมีวิกฤติไม่หยุดหย่อนทั้งๆที่หลายคนเข้าใจว่าเราปกครองด้วย ระบอบประชาธิปไตยแต่ความจริงไม่ใช่เพราะเนื้อแท้ จริงๆแล้วเราปกครองด้วยระบอบเผด็จการที่แอบแฝง 

ขอบคุณที่ทำให้ประชาชนตาสว่างอย่างลึกซึ้งอีกครั้งหนึ่ง

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2554 เวลา 09:47

    เป็นบทความที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ ขอ แชร์นะคะ

    ตอบลบ