Sunai Fan Club

Sunai Fan Club
สุนัยแฟนคลับ

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ

แปรการเลือกตั้ง สู่การเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ

            วิกฤติการเมืองประเทศไทยที่เห็นด้วยตาเปล่ายาวนานมา 5 ปีเศษนั้น เนื้อแท้เป็นวิกฤติอันเกิดจากระบอบอำมาตย์ที่ครอบงำระบอบประชาธิปไตยมายาวนาน หากแต่กำลังเกิดอาการเน่าเฟะอย่างหนักเพราะเป็นภาวะแห่งธรรมชาติของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วเกิดขึ้นใหม่ แห่งพุทธสัจธรรม     
ภาวะปัจจุบัน เป็นยุคปลายของระบอบอำมาตย์ อารมณ์ของบุคคล จึงแสดงบทบาทเป็นกฎหมายและอารมณ์ของบุคคลจึงอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม
            อารมณ์ของบุคคลกลุ่มเล็กๆจึงกลายเป็นจุดกำเนิดแห่งพลังทางการเมืองที่ชี้นำให้คดีความทางความคิดกลายเป็นความผิดอย่างมหันต์ ร้ายแรงยิ่งกว่าคดีฆ่าคนตายและค้ายาเสพติด
            ความผันแปรทางอารมณ์ของบุคคลกลุ่มเล็กๆกลายเป็นพลังทางการเมืองที่กำหนดนโยบายของรัฐแทนมติของรัฐสภา


            ความอาวุโสของคณะบุคคลมีความสำคัญกว่าความอาวุโสของระบอบประชาชน  การป่าวประกาศโค่นล้มคณะบุคคลผู้กุมอำนาจเผด็จการเป็นความไม่ชอบธรรม แต่การป่าวประกาศโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยด้วยข้อเสนอปิดประเทศแห่งคณะเสื้อเหลือง ณ สะพานมัฆวาน กลับกลายเป็นความชอบธรรม
            ภาวะแห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบแห่งรัฐ และนำมาซึ่งภาวะไร้ระเบียบทางเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งความทุกข์ยากของประชาชน

            ภาวะแห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ จึงเป็นภาวะกระอักกระอ่วนแห่งรัฐ ที่ข้าราชการ พ้อค้า คหบดี และประชาชน ต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก


            ภาวะแห่งยุคปลายของระบอบอำมาตย์ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโปงตัวเองจนผู้คนทั้งแผ่นดินเห็นชัดแห่งปัญหา แต่พูดจากันไม่ได้ จึงกลายเป็นความปั่นป่วน และกลายเป็นช่องว่างที่ให้ความเชื่องมงายแสดงบทบาทสั่งการทำลายมติมหาชนที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ อันไม่อาจจะก่อให้เกิดความมั่นคงแห่งระบอบรัฐสภาได้ ทั้งๆที่ระบอบรัฐสภาไทยมีเวลาพัฒนาการมายาวนานเกือบศตวรรษแล้ว
            การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นการเลือกตั้งที่มีลักษณะพิเศษ เพราะเป็นการเลือกตั้งในภาวการณ์ที่สังคมกำลังสับสนกับการหาทางออกจากพลังแห่งอารมณ์ของคณะบุคคลผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกแห่งปฏิทินประชาธิปไตยที่ประชาชนยอมรับและอำมาตย์ก็ต้องยอมรับอย่างจำใจ
ในภาวะที่ประชาชนกำลังหาทางออกจากวิกฤติ แต่อำมาตย์ไม่อยากจะออกจากวิกฤติ เพราะวิกฤติเป็นต้นพลังแห่งอำนาจและต้นพลังแห่งความสุขสบายของเหล่าอำมาตย์
            การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ จึงเป็นทางเลือกเดียว ณ เวลานี้ที่ประชาชนจะต้องผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว เลือกพรรคการเมืองที่ไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบอำมาตย์และยืนหยัดระบอบอำนาจของประชาชนอย่างไม่วอกแวก
            การตัดสินใจลงคะแนนในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ ต้องก้าวให้พ้นความรักชอบพอบุคคลเป็นส่วนตัว ในแต่ละเขตเลือกตั้งและใช้แนวทางของพรรคแห่งประชามหาชนที่ได้ยืนหยัดพิสูจน์มาแล้วว่าไม่สยบยอมต่อระบอบอำมาตย์ หรือนัยหนึ่งก็คือพรรคการเมืองที่ไม่ยอมกินเศษเนื้อของคณะทหาร ที่เป็นเนื้อแท้ของระบอบอำมาตย์ที่ก่อภาวะวิกฤติการเมือง
            จงใช้มติมหาชนแห่งการเลือกตั้ง ก่อให้เกิดการปฏิวัติประชาชน เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ นำประเทศชาติออกจากภาวะวิกฤติให้ได้
            ท่ามกลางความยากลำบากที่ระบอบอำมาตย์ควบคุมการเลือกตั้งทั้งขบวน นับตั้งแต่ศาล ทหาร ตำรวจ และองค์กรอิสระ จึงเป็นความยากลำบากที่ท้าทายขบวนการจิตสำนึกของประชาธิปไตยประชาชน แต่ต้องพยายาม
            หากมติมหาชนไม่อาจก้าวข้ามกระบวนการหลอกลวงและแทรกแซงของระบอบอำมาตย์ในวันที่ 3 กรกฎาคม ได้ ระบอบอำมาตย์นั้นเองคือผู้ประกาศนับถอยหลังแห่งความรุนแรงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้


จงปฏิวัติเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
ด้วยมติมหาชนคนล้นหลาม
ผนึกแน่นคะแนนเสียงเพียงข้ามยาม
จะก้าวข้ามวิกฤติสู่สิทธิ์ประชามหาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น